หลังจากเมนู “แกงไตปลา” ขึ้นแท่นอาหารยอดแย่อันดับ 1 ของโลก จากเว็บไซต์จัดอันดับอาหารทั่วโลกอย่าง “TasteAtlas” และได้มีการเปิดอันดับอาหารไทยอีก 5 เมนูที่ตบเท้าเข้ามาติดอันดับด้วยเช่นกัน ได้แก่ “ข้าวคลุกกะปิ หอยทอด จิ้มจุ่ม น้ำตกหมู และผัดวุ้นเส้น” ทำให้ชาวไทยต่างออกมาเซฟอาหารไทยกันทั้งโซเชียล ซึ่งดูเหมือนจะยังไม่หมดแค่นั้น เพราะหากค้นหาในเว็บไซต์แล้วยังพบกับอีกหมวดหมู่ที่ชื่อว่า “52 เมนูอาหารไทยที่มีคะแนนยอดแย่ที่สุด” ซึ่งจะมีเมนูไหนบ้าง ตามมาดูกัน
52 อันดับอาหารไทยที่มีคะแนนยอดแย่ที่สุดจากเว็บไซต์ “TasteAtlas”
- แกงไตปลา
- ข้าวคลุกกะปิ
- หอยทอด
- จิ้มจุ่ม
- น้ำตกหมู
- ผัดวุ้นเส้น
- หนอนไหมทอด
- สังขยาฟักทอง
- ทองหยิบ
- แกงส้ม
- ขนมโตเกียว
- ยำไข่ดาว
- ขนมต้ม
- ผัดพริกแกง
- มะม่วงน้ำปลาหวาน
- ฝอยทอง
- ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ
- ข้าวเหนียวสังขยา
- สุกี้
- ข้าวเหนียวทุเรียน
- กล้วยทอด
- หมูกระทะ
- ส้มตำมะม่วง
- ขนมไหว้พระจันทร์
- แคปหมู
- กุ้งอบวุ้นเส้น
- ลูกชิ้นปิ้ง
- หมูหวาน
- ต้มแซ่บ
- ยำวุ้นเส้นกุ้ง
- ข้าวหลาม
- ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์
- หมี่กรอบ
- ปลาหมึกย่าง
- ลอดช่องน้ำกะทิ
- โรตีสายไหม
- เฉาก๊วย
- หมูย่าง
- ขนมชั้น
- ข้าวหมกไก่
- ไข่พะโล้
- ปลาสามรส
- ขนมฝักบัว
- รวมมิตร
- ก๋วยเตี๋ยวเรือ
- ยำวุ้นเส้นหมู
- โจ๊ก
- ข้าวต้ม
- ถุงทอง
- ไส้อั่ว
- ทอดมันปลา
- ปลานึ่งมะนาว
ซึ่งหากดูจากเมนูต่าง ๆ ที่อยู่ใน 52 อันดับแล้ว จะพบว่าในหลาย ๆ เมนูถือเป็นอาหารยอดฮิตของชาวไทยไม่ว่าจะเป็น หมูกระทะ, ก๋วยเตี๋ยวเรือ, มะม่วงน้ำปลาหวานเป็นต้น ทีมข่าวพีพีทีวีจึงหยิบยกเมนูเด็ด ๆ ของไทยที่ทางเว็บไซต์ TasteAtlas พูดถึงมาฝากกัน
เมนูอาหารคาว
อันดับ 10 แกงส้ม
มากันที่เมนูแรก “แกงส้ม” อาหารไทยที่หาทางได้ง่ายและมีรสชาติเฉพาะของแต่ละท้องถิ่นไม่เหมือนกัน ทาง TasteAtlas ได้อธิบายเมนูนี้ไว้ว่า “แกงส้มเป็นแกงไทยมีรสเปรี้ยว โดยทั่วไปจะมีส่วนผสมเป็นปลาหรือกุ้ง ปรุงรสด้วยเครื่องแกงเข้มข้นที่มักประกอบด้วยหอมแดง พริก และกุ้ง แกงส้มมีหลายรสชาติขึ้นอยู่กับการทำของแต่ละภูมิภาคในไทย
แกงส้มในภาคใต้ของไทยมักมีส่วนผสมเป็นขมิ้นและมีเรียกเมนูนี้ว่า “แกงเหลือง” ส่วนภาคกลางจะใส่มะขามลงไปเพื่อทำให้มีรสชาติเปรี้ยว แกงส้มนิยมจะใส่ผักต่าง ๆ ลงไปเป็นส่วนประกอบ ปัจจุบันมีการนำมาทานคู่กับไข่ชะอม ซึ่งเป็นอาหารที่ทําจากไข่ทอดผสมกับใบกระถิน
อันดับ 22 หมูกระทะ
เมนูถัดไปเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก อาหารยอดฮิตของชาวไทยในทุกช่วงเวลาอย่าง “หมูกระทะ” ซึ่งตบเท้าเข้ามาติดอันดับที่ 22 โดยทาง TasteAtlas ได้อธิบายเมนูนี้ไว้ว่า “เมนูหมูไทยนี้เป็นการผสมผสานระหว่างบาร์บีคิวเกาหลีและหม้อไฟจีน มีหมูชิ้นย่างอยู่บนกลางกระทะ รอบ ๆ รายล้อมไปด้วยน้ำซุปและส่วนผสมอื่น ๆ อย่างเช่น ผัก ลูกชิ้นปลา หรือเห็ด จึงมีความคล้ายคลึงกับหม้อไฟจีน
โดยเตาหมูกระทะใช้ความร้อนจากถ่าน ต่างจากบาร์บิคิวเกาหลีที่จะใช้ความร้อนจากเตาแก๊ส ตัวหมูกระทะนิยมทานคู่กับน้ำจิ้มหลาย ๆ ประเภท”
อันดับ 41 ไข่พะโล้
ไข่พะโล้เป็นสตูว์ของไทยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประเทศจีน ประกอบไปด้วย ไข่ลวกปอกเปลือกที่ปรุงรสในน้ำซุปที่ทําจากซีอิ๊ว พร้อมด้วยผักหรือเนื้อสัตว์ที่ส่วนใหญ่มักจะใช้เป็นปีกไก่หรือหมู มีการใส่เมล็ดผักชี น้ำสต๊อกไก่ น้ำตาลปี๊บ และเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ
กระบวนการทำใช้การตุ๋นทําให้ไข่สีขาวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ มักใส่เต้าหู้หรือเห็ดลงไปในระหว่างการปรุงอาหาร ไข่พะโล้มีรสชาติหวาน มักนิยมทานแบบร้อน ๆ คู่กับข้าวหอมมะลิหรือข้าวเหนียวและทานเป็นกับข้าวร่วมกับอาหารรสเผ็ดต่าง ๆ
อันดับ 45 ก๋วยเตี๋ยวเรือ
อาหารไทยเมนูนี้ แรกเริ่มเดิมทีมาจากการขายก๋วยเตี๋ยวบนเรือที่แล่นผ่านคลองต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ก๋วยเตี๋ยวเรือมีส่วนประกอบหลักเป็นเส้นประเภทต่าง ๆ พร้อมน้ำซุปที่ปรุงรสมาแบบเฉพาะตัว และมีส่วนประกอบอื่น ๆ เป็นเนื้อวัวหรือเนื้อหมู ลูกชิ้น ถั่วงอก ผักบุ้ง และตับหมู ซึ่งน้ำซุปของก๋วยเตี๋ยวเรือมักจะมีการใส่เลือดสัตว์ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติที่โดดเด่น
เมนูอาหารหวาน
อันดับ 15 มะม่วงน้ำปลาหวาน
มะม่วงน้ำปลาหวานเป็นอาหารไทยแบบดั้งเดิม ประกอบด้วยมะม่วงเขียวหวานที่ยังไม่สุกและน้ำจิ้มที่มีลักษณะเหนียว หวาน และเผ็ด เรียกว่าน้ำปลาหวาน โดยตัวของน้ำจิ้มทำจากน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ หอมแดง พริกชี้ฟ้า กะปิ และกุ้งแห้ง
น้ำจิ้มสามารถซื้อได้ในร้านค้าและตลาดส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ โดยมะม่วงที่เอามาปอกแบบไม่สุกจะให้รสชาติคล้ายกับสตรอว์เบอร์รี่และแอปเปิ้ลเขียวที่มีรสเปรี้ยว ซึ่งมะม่วงน้ำปลาหวานถือเป็นของหวานยอดนิยมของไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านริมถนน
อันดับ 31 ข้าวหลาม
ข้าวหลาม หรือ กระลาน เป็นขนมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบไปด้วย ข้าวเหนียวสีขาวหรือสีแดงที่มีรสชาติหวาน นำมานึ่งในหลอดไม้ไผ่ เป็นที่นิยมทั้งในประเทศไทย พม่า กัมพูชา และลาว ซึ่งข้าวหลามในสมัยก่อนมีเพียงข้าวผสมกับน้ำและเกลือเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้เพิ่มขั้นตอนการทำให้ซับซ้อนยิ่งขึ้นโดยการเติมมะพร้าวขูด น้ำตาล กะทิ และถั่วแดงลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ
ซึ่งมีวิธีการทำ คือ การนำข้าวไปผสมกับส่วนผสมที่ต้องการและวางไว้ในไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ จากนั้นเติมกะทิด้านบนของข้าว ทำการปิดผนึกไม้ไผ่และวางบนถ่าน ความร้อนจะค่อย ๆ ทำให้ข้าวและส่วนผสมด้านในสุก ทำให้ตัวข้าวหลามมีรสชาติหวานและเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งข้าวหลามจะมีรสชาติคล้ายกับคัสตาร์ดหรือพุดดิ้งข้าว
ในปัจจุบันมีการใส่ส่วนผสมที่หลากหลายลงไปมีทั้ง เผือก ทุเรียน และข้าวโพด ขายโดยพ่อค้าแม่ค้าริมที่อยู่ตามริมถนน ตามงานวัดต่าง ๆ และตามตลาดในเอเชียหลาย ๆ แห่ง
อันดับ 35 ลอดช่องน้ำกะทิ
ลอดช่องน้ำกะทิ เป็นขนมพื้นบ้านที่มีต้นกําเนิดจากประเทศไทย มีส่วนประกอบ คือ แป้งข้าวเจ้ารสใบเตยที่มีลักษณะคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยว เสิร์ฟในน้ำกะทิรสหวาน ในอดีตลอดช่องน้ำกะทิมักจะถูกเสิร์ฟในพิธีแต่งงานของไทย เพราะตัวเส้นลอดช่องมีลักษณะยาวลื่นไหล เปรียบเสมือนคู่บ่าวสาวที่มีความรักยืนยาว สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้อย่างราบรื่นนั่นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซต์ TasteAtlas