คดี “ทนายตั้ม” เป็นการให้โดยเสน่หา หรือหลอกจนให้โดยเสน่หากันแน่?

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์คดี “ทนายตั้ม” ตั้งคำถามข้ออ้างให้โดยเสน่หา เป็นเช่นนั้นจริง หรือ “วางแผนหลอกจนเหยื่อให้โดยเสน่หา”

วันที่ 7 พ.ย. 67 มีความเคลื่อนไหวสำคัญที่ทุกคนติดตาม คือการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกรวบ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมภรรยา บริเวณ จ.ฉะเชิงเทรา ขณะกำลังมุ่งหน้าไป “ปฏิบัติธรรม” ที่ จ.สระแก้ว

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฉ้อโกงและสมคบกันฟอกเงิน ก่อนควบคุมตัวพาไปสอบปากคำที่กองปราบฯ ท่ามกลางการคาดเดาจากหลายฝ่ายว่า ยังมีอะไรที่สามารถขยายผลได้มากกว่านี้อีกหรือไม่

คอนเทนต์แนะนำ
จับแล้ว! “ทนายตั้ม” พร้อมภรรยา ตำรวจควบคุมตัวสอบปากคำที่กองปราบ
คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” ถึงกองปราบ หลังโดนหมายจับ “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน”
ชี้ “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนีออกนอกประเทศ ผู้เสียหายโผล่อีก 3 เคส

“ทนายตั้ม” ต้องพิสูจน์ว่าให้โดยเสน่หา หรือหลอกจนเหยื่อให้โดยเสน่หา? ช่างภาพพีพีทีวี
ษิรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม

รายการเข้มข่าวเย็น ช่วง Exclusive Talk ทางช่อง PPTV HD 36 ได้พูดคุยกับ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการปราบปราม และ ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญวิทยาเชิงพฤติกรรมและจิตวิทยาอาชญากร อาจารย์ประจำ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” ถึงกองปราบ หลังโดนหมายจับ “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน”

เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: 7 นโยบาย “ทรัมป์” สัญญาทำทันทีที่ได้เป็นประธานาธิบดี

วิเคราะห์บอล ! ยูโรป้าลีก แมนยู พบ พีเอโอเค 7 พ.ย.67

ถ้าบริสุทธิ์ใจ ไม่ควรออกจากกรุงเทพฯ

ดร.ตฤณห์บอกว่า ข้ออ้างเรื่องไปปฏิบัติธรรมนั้น มีการเตรียมที่นอนหมอนมุ้งเสบียง เหมือนเอาไว้สำหรับเดินทางไกลมากกว่า อาจจะตั้งใจเข้าไปปักกลดในป่าลึกแล้วกลัวหาของกินไม่ได้ จึงเอาเสบียงไป

“ถ้าบริสุทธิ์ใจ ทนายตั้มไม่ออกนอกกรุงเทพหรอก ต้องเตรียมพร้อมโดนเรียกตลอดเวลา รอแถลงข้อเท็จจริง รออยู่กับที่ เกิดมีหมายเรียกหมายจับจะได้ไปชี้แจงไปมอบตัว นี่คือคนทั่วไป”

ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า การจะพิสูจน์ว่าทนายตั้มตั้งใจหนีหรือจะไปปฏิบัติธรรมจริง ๆ ดูได้ง่าย ๆ คือตรวจสอบระบบสื่อสาร โทรหาใครหรือไม่ มีปลายทางหรือไม่ มีการโอน “ค่าเดินทาง” อะไรหรือไม่

“ถ้าผมเป็นทนายตั้ม ควรอยู่กรุงเทพ เพราะการดำเนินการฝ่ายตำรวจก็โปร่งใส มีการย้ายคดีจากนครราชสีมา มีตั้งคณะกรรมการสอบ กรอบเวลากี่วันก็บอกชัด ทนายตั้มควรเฝ้าเลขานุการศาลที่จะออกหมายจับด้วยซ้ำ รู้ปุ๊บจะได้ไปมอบตัวได้เลย” อดีตผู้บังคับการปราบปรามบอก

เขาเสริมว่า “การไปใกล้ชายแดนจะทำให้คนสงสัย ไม่ควรให้มีข้อติฉินนินทา นอกจากนี้ สามารถเช็กไทม์ไลน์ได้ ตำรวจขอหมายจับกี่โมง ศาลลงนามรับรองกี่โมง ทนายตั้มออกจากบ้านกี่โมง ไปเจอที่ฉะเชิงเทรากี่โมง ปรากฏว่าหมายออกระหว่างทนายตั้มเดินทางใช่หรือไม่ เพราะตำรวจต้องแจ้งข้อหาแบบใช้หมายจับอิเล็กทรอนิกส์มาอ่านให้ฟัง แปลว่าตำรวจสะกดรอยตั้งแต่บ้าน ศาลลงนามปุ๊บส่งรูปเลย ตำรวจต้องทำงานแข่งกับเวลา ให้ได้ตัวมา”

พล.ต.ต.สุพิศาลมั่นใจว่า ทนายตั้มต้องรู้ตัวก่อนแล้วว่าวันนี้จะถูกหมายจับ “ทนายตั้มรู้ ไม่งั้นไม่ชิงไหวตัวก่อนหรอก” และเสริมว่าทนายตั้มไม่น่าได้รับการประกันตัว เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี และอาจไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ส่วนตัวภรรยาน่าจะประกันตัวได้

ให้โดยเสน่หา หรือถูกหลอกลวงจนให้โดยเสน่หา?

ทั้ง พล.ต.ต.สุพิศาล และ ดร.ตฤณห์ เห็นตรงกันว่า หัวใจสำคัญของคดีนี้คือต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า คำว่า “ให้โดยเสน่หา” ที่ทนายตั้มใช้ในการกล่าวอ้างมาโดยตลอดนั้น เป็นการให้โดยเสน่หาจริง ๆ หรือมีกระบวนการและการวางแผนเพื่อนำไปสู่การให้โดยเสน่หา ซึ่งหากเป็นอย่างหลัง จะเข้าข่ายฉ้อโกง

อดีตผู้บังคับการปราบปรามบอกว่า หากเนคดีฉ้อโกงปกติหลอกชาวบ้าน โทษจำคุกประมาณ 3 ปี ส่วนข้อหาฟอกเงินโทษจำคุกประมาณ 5 ปี แต่หากมีการสมคบคิดกันฉ้อโกงและฟอกเงิน ฐานความผิดจะสูงขึ้น

พล.ต.ต.สุพิศาลมองว่า ทนายตั้มอาจใช้หลักฐานบางอย่างมาสู้ว่าเป็นการให้โดยเสน่หา เช่น วันที่ผู้เสียหายมอบเงินให้ มีการบันทึกคำทำนองว่า “ให้ตั้ม” ไว้หรือเปล่า อาจสามารถนำไปเป็นพยานหลักฐานได้

แต่ถ้าพบว่าเป็นลักษณะวางแผนตั้งแต่เริ่มแรกที่รู้จักกัน เกิดการสมคบกันวางแผนให้ปรากฏเนื้อความ “ให้ตั้ม” ถ้าพิสูจน์ตรงนี้ได้ จะเอาผิดทนายตั้มได้ ลักษณะการเป็น “องค์กรอาชญากรรม” จะเด่นชัดขึ้น

อดีตผู้บังคับการปราบปรามเสริมว่า หลักฐานตรงนี้ตำรวจอาจมี เพราะที่ผ่านมามีการสอบปากคำผู้เสียหายนานมาก 4 วันติด แปลว่าอาจสอบถามตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน ลงรายละเอียด รวบรวมพยานบุคคล วัตถุ เอกสาร ทุกอย่างมารวมกัน จึงน่าจะมีหลักฐานมากพอ

ดร.ตฤณห์บอกว่า ถ้าสอบสวนแล้วพบว่าแต่ละคนที่อยู่ในคดีนี้มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ว่าใครทำหน้าที่หลอกเหยื่อ ใครทำหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อ ใครโอนเงิน ถ้ามีมากกว่า 2 คนขึ้นไปจะสามารถเรียกว่าองค์กรอาชญากรรมได้ เพราะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าปัจเจกบุคคลลงมือ ถ้าดูเครือข่ายดี ๆ เชื่อว่าขยายได้

“การแกะรอยพฤติกรรมสามารถบอกได้ว่านี่คือแก๊งอาชญากรรม มีการแบ่งงานทำ ส่วนตัวเชื่อว่าตามไม่ยาก เคสนี้ไม่ซับซ้อน” ดร.ตฤณห์กล่าว

อาจารย์ตฤณห์ยังย้ำว่า เรื่องการให้โดยเสน่หานั้น ฝั่งผู้เสียหายควรเป็นคนพูด ไม่ใช่มาพูดเอง

“ให้โดยเสน่หาผู้ให้ต้องพูด เป็นผม ผมไม่กล้าพูด ความเกรงใจสมบัติผู้ดี ถ้ามีคนพาผมไปต่างประเทศผมจะไปแบบพอตัว อันนี้ดูไม่เกรงใจ ถ้าอยากได้ควรซื่อสัตย์ แสดงผลงานให้สมตำแหน่ง คนอยากให้เดี๋ยวให้เอง ไม่ต้องเสนอหน้า” ดร.ตฤณห์กล่าว

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ