จากกรณีสภาองค์กรของผู้บริโภคแจ้งว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตลิ่งชัน มีการนัดฟังคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ อท.167/2566 ระหว่างฝ่ายโจทก์ คือ บริษัทเอกชนเกี่ยวกับการสื่อสารรายหนึ่ง โดยมีจำเลย คือ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในวันที่ 6 ก.พ. 2568 นี้
โดยคดีดังกล่าวกลุ่มนักวิชาการและผู้บริโภคเห็นว่า เป็นคดีตัวอย่างที่ กสทช. ได้ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคถูกฟ้องร้อง สืบเนื่องจากการที่มีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. ในปี 2566 หลังจากได้พบว่าบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชันหนึ่งมีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัทดังกล่าว ในฐานะผู้ให้บริการแอปพลิเคชันดังกล่าว ได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง
ต่อมาคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการฯให้ตรวจสอบว่ามีการนำช่องรายการที่ได้รับอนุญาตไปออกอากาศผ่านโครงข่ายใดหรือนำไปแพร่ภาพในแพลตฟอร์มใดและให้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “มัสแครี่” (Must Carry) ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้
แม้หนังสือดังกล่าวไม่ได้ส่งตรงไปยังบริษัทดังกล่าวฯ เนื่องจากบริษัทไม่ได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตและไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แต่บริษัทฯได้อ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหาย จึงนำมาซึ่งการฟ้องร้องต่อการทำหน้าที่ของประธานอนุกรรมการชุดนี้ คือ ดร.พิรงรอง รามสูต
ซึ่งในคำร้องของบริษัทดังกล่าวฯ อ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเหตุที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายเนื่องจากผู้รับใบอนุญาตประเภทช่องรายการโทรทัศน์ อาจทำการระงับการเผยแพร่รายการต่าง ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์มของตน ในคำร้องได้อ้างว่าทางสำนักงาน กสทช. ยังไม่มีระเบียบเฉพาะในการกำกับดูแลกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต)
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องบริษัทดังกล่าวฯ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ ดร.พิรงรอง ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีนี้ แต่ต่อมาในเดือน พ.ค. 2567 ศาลยกคำร้องดังกล่าว โดยพิจารณาว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ ขัดขวาง หรือกลั่นแกล้งการประกอบธุรกิจของโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง
อย่างไรก็ตาม หาก ดร.พิรงรอง ถูกตัดสินว่ามีความผิดและไม่ได้รับสิทธิให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะต้องสิ้นสภาพการเป็น กสทช. ทันที
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายนักวิชาการ สื่อชุมชน ผู้บริโภค และกลุ่มเพื่อนพิรงรอง ได้ร่วมให้กำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ของ ดร.พิรงรอง รามสูต โดยเปิดให้มีการรวมลงชื่อให้กำลังใจ สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ ดร.พิรงรอง ในว็บไซต์ Tally ซึ่งเป็น เว็บไซต์สำหรับสร้างแบบ Forms ออนไลน์ด้วย