คลิปวิดีโอที่แหล่งข่าวบันทึกเอาไว้ ช่วงที่เอเย่นต์นำยาที่ได้รับจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ไปเก็บไว้ในห้องซักรีด ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่าน พระราม 4 โดยระหว่างขนย้ายจะเห็นว่าแม่บ้านของคอนโดฯ ทำหน้าที่ช่วยถือของ และ ไขกุญแจเปิดห้องซักรีดให้
วันนี้ 12 ก.พ. 2568 ทีมเขาลงพื้นที่ไปคอนโดมิเนียมดังกล่าว ปรากฏว่าเจอห้องซักรีดอยู่บริเวณลานจอดรถ ด้านหน้าติดป้ายเหมือนร้านซักรีดทั่วไป มีรายละเอียดราคาค่าบริการ
พร้อมทิ้งเบอร์โทรศัพท์ระบุ ชื่อคนติดต่อชื่อว่า “คุณหรีด” นอกจากนั้นยังมีเบอร์โทรศัพท์สำรองแปะไว้ด้านข้าง ระบุชื่อ “คุณเปิ้ล” แต่เมื่อทีมข่าวโทรศัพท์ติดต่อ ปรากฏว่าทั้งสองเบอร์ไม่สามารถติดต่อได้
สิ่งที่น่าสนใจคือ ด้านหน้ากระจกมีการติด QR Code สำหรับโอนเงิน ชื่อ “พันเอกหญิง ก.” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับคนที่โอนเงินให้เอเย่นต์ขบวนการทุจริตยา ที่ทีมข่าวพีพีทีวีเปิดหลักฐานสลิปโอนเงินไปเมื่อวานนี้
เรื่องนี้สอดคล้องกับข้อมูลของแหล่งข่าวที่บอกว่า พันเอกหญิง ก. เหมือนเอาธุรกิจของตัวเองมาบังหน้า แต่แอบเก็บยาที่ทุจริตออกมาจากโรงพยาบาล และ จากการที่แหล่งข่าวเข้าไปด้านในห้องซักรีด พบว่า มียาเรียงกันเป็นถุงจำนวนมากสูงถึงเพดาน ซึ่งคาดว่ามูลค่าน่าจะหลายล้านบาท
ขณะที่นิติคอนโดมิเนียมดังกล่าวปฏิเสธให้ข้อมูลกับทีมข่าว โดยบอกว่า ขอให้ข้อมูลกับหน่วยงานกรณีที่มีเอกสารราชการเท่านั้นเท่านั้น ส่วนแม่บ้านที่ช่วยเหลือกลุ่มคนในขบวนการ ทางนิติคอนโดฯ คาดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านชุดก่อน เพราะยูนิฟอร์มแม่บ้านตอนนี้เป็นคนละสีกับในคลิปแล้ว
ส่วนความเคลื่อนไหวของ พันเอกหญิง ก. ตอนนี้รู้มาว่าพยายามโทรหาคนในเครือข่ายสั่งให้ ทิ้งโทรศัพท์ เปลี่ยนเบอร์ และ ลบข้อมูลที่พูดคุยเกี่ยวกับการทุจริตยาออกให้หมด รวมถึงหากถูกตรวจสอบก็ให้บอกว่าไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีข้อมูลว่าขบวนการนี้มีกำหนดการเตรียมจะทุจริตยาอีกครั้งในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ แต่พอมีข่าวออกมา จึงถูกสั่งเบรกไว้ก่อน
ขณะที่ นายภูมิ ธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. พรรคประชาชน ผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ก็ บอกว่า ฝั่งขบวนการดังกล่าวเริ่มพยายามปกปิด ทำลายหลักฐานแล้ว ซึ่งฝั่งของตัวเองก็จะดำเนินการขุดคุ้ยหาพยานหลักฐานปลายทางว่า ยาที่ถูกนำออกมาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไปอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้ทราบเบาะแสว่ามีการถูกส่งต่อไปพักไว้ที่คอนโดมิเนียมแห่ง ซึ่งเบื้องต้นก็จะประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. รวมถึงหน่วยงานราชการอื่นเพื่อขออำนาจการตรวจค้นสอบสวนต่างๆ
สำหรับยาที่ทุจริตออกมาจะถูกส่งต่อไปที่ไหนบ้าง ตอนนี้เริ่มทราบเบาะแสเบื้องต้นแล้วซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า ตลาดมืดของยาในประเทศไทยอยู่ที่ไหนบ้าง
ส่วนเรื่องการตรวจสอบที่ก่อนหน้านี้ก็พบความผิดปกติเรื่องการทุจริตยาของขบวนการนี้ ถึงขั้นมีการฟ้องร้องดำเนินคดีแต่ท้ายที่สุดก็หลุดข้อหา เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์จึงหาพยานหลักฐานมาหักล้างได้ สส.ภูมิ บอกว่าครั้งนี้ตัวเองมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดขบวนการนี้ได้ เพราะ รอบนี้มีเอกสารหลักฐาน ทั้งเรื่องคำสั่งงาน การชี้แนะให้คนไข้โกหก รวมถึงสลิปโอนเงินที่มีชื่อคนชัดเจน ซึ่งมองว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถมัดตัวผู้กระทำผิดได้
สส.ภูมิ บอกว่าหลังจากนี้กรรมาธิการทหารจะทำงานร่วมกับกรรมาธิการสาธารณสุข เนื่องจาก ทราบข้อมูลมาว่านอกจากการทุจริตยาในโรงพยาบาลทหารผ่านศึกยังโรงพยาบาลรัฐอื่นๆ ที่มีกระบวนการลักษณะนี้เข้าไปหาผลประโยชน์เช่นเดียวกัน
สส.ภูมิ บอกว่า ถึงแม้วันนี้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก จะออกมาชี้แจงว่า ไม่ใช่บุคลากรของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบุคคลนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด มองว่าลักษณะทุจริตเป็นขบวนการแบบนี้ ไม่สามารถดำเนินการได้หากไม่มีคนในเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมทั้งข้อสังเกตถึงหลักฐาน เช่น ใบนัดตรวจของคนไข้ขบวนการนี้ แทบทุกคนจะนัดพบหมอคนเดียวกันทั้งหมด แบบนี้หมอจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจริงหรือไม่
สำหรับยอดความเสียหายของขบวนการนี้ สส.ภูมิ บอกว่า เบื้องต้นหากประเมินขั้นต่ำ ยอด 10คน ไปหาหมอตกเดือนละ ประมาณ 3 แสนบาท หนึ่งปี ประมาณ 4ล้านบาท ซึ่งเท่าที่ทราบมาขบวนการนี้ดำเนินการมามากกว่า 5ปี เท่ากับว่าอย่างต่ำขบวนการนี้ทุจริตมาแล้วมากกว่า 20 ล้านบาท