3 มี.ค. 68 รศ.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ให้ความเห็นถึงผลกระทบของการที่รัฐบาลไทยส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน ในรายการเปิดโต๊ะข่าว PPTV HD36 ระบุว่า การส่งตัวกลับนั้นเกิดบทเรียนทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี ประเด็นแรก ต้องไล่ขั้นตอนให้ละเอียดมากขึ้นให้ไม่มีช่องว่าง เช่น การขนย้ายยามวิกาล อาจสะดวกจริง แต่ในทางกลับกันก็เกิดข้อสงสัยหลายอย่าง
รศ.ปณิธาน กล่าวว่า การตรวจสอบไม่ได้เข้าไปตรวจทั้งหมด 109 คน แต่ไปทำคลิปแบบที่จีนไม่ได้ชี้นำ เป็นเงื่อนไขที่ต้องต่อรองก่อนส่งกลับว่า จะไปดูปีละกี่ครั้ง เมื่อไปแล้วให้เอาผู้สื่อข่าวไปด้วย และต้องเป็นคนที่เข้าใจบริบทไม่ทำให้เกิดความน่าสงสัย ถ้าถอดบทเรียนแล้วก็จะราบรื่นกว่านี้
อีกส่วนคือ ต้องหลีกเลี่ยงการถูกชี้นำจากบางประเทศ หลีกเลี่ยงการที่สหรัฐฯ มาประณามเราว่าเราทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง ต้องทำรูปแบบการส่งกลับให้ดีขึ้นกว่านี้ และส่งกลับให้หมดเพื่อลดภาระคนไทย
รศ.ปณิธาน กล่าวต่อว่า ณ วันนี้ไทยชัดเจนว่าต้องการให้ส่งกลับ อเมริกัน ยุโรป ก็ชัดเจนว่าต้องทำตามกฎหมายเข้าเมือง ว่าไม่ให้เข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย แต่จะเหมารวมไม่ได้ สุดท้ายต้องมีเมตตาธรรม มนุษยธรรม ถ้าจะไปอยู่ประเทศที่สาม ให้คุยกับจีนดี ๆ ว่าบางกลุ่มที่หว่านล้อมแล้วแต่เขาไม่อยากกลับไปจริง ๆ ก็ต้องปล่อยตามใจเขา เราเป็นแค่ทางผ่าน อย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อน และอย่าให้คนไทยเราทะเลาะกันเอง
ซึ่ง รศ.ปณิธาน มองว่าไทยเจรจากับจีนไม่ละเอียดพอ เหตุเพราะมีความเกรงใจ แต่การที่จีนดำเนินการเชิงรุกแถลงข่าวโดยละเอียด ซึ่งทำงานไวกว่ากระทรวงของไทยด้วยซ้ำ ในระบบสากลคือเข้าทางสหรัฐฯ ที่บอกว่าประเทศหลายประเทศอยู่ใต้อิทธิพลของจีน และสหรัฐฯหันมาเผชิญหน้ากับเราอย่างเต็มตัว ทั้งที่สองเดือนก่อนยังถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ขณะนี้รัฐมนตรีของเขาได้กลับลำแล้วและเดินหน้าเผชิญหน้ากับไทยในเวทีโลก เราก็ลำบากมากขึ้น
ส่วนความรุนแรงของแรงกระแทกจากสหรัฐฯ รศ.ปณิธาน มองว่า ถ้าเราทำให้สหรัฐฯ เสียหน้า นอกจากวงแตก จะสะเทือนไปทั่วโลก นักวิเคราะห์หลายคนพูดว่ารัฐมนตรีของสหรัฐฯ ไม่พอใจมาก ซึ่งเราต้องไปทำความเข้าใจให้ดี แถลงการณ์ของเขาดูแล้วไม่ค่อยมีสมดุล ถ้าเขาปฏิเสธจะไม่รับก็ไม่น่าจะออกมาแรงขนาดนี้
ทั้งนี้ ทรัมป์ มีการส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศต้นทางเป็นแสนคนและอาจมากถึงล้านคน แต่จะมีบางกลุ่มโดยเฉพาะจีนที่เขาจะรับ ซึ่งการที่เขาติดใจกับ 40 คนนี้เพราะเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง ทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งมีผู้ลี้ภัยหลายกลุ่ม เช่น ฮ่องกง ยุโรป แคนาดาของจีน ที่กลายเป็นผู้ต้องหาหรือเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองที่ประเทศเหล่านี้ให้ค่ามาก ซึ่งจริง ๆ เป็นเรื่องของสัญญาที่ส่งมาให้ทางเราประมาณ 2 เดือน
จากทั้งหมดนี้ เป็นเหตุผลที่ไม่ควรเผชิญหน้ากับประเทศเหล่านี้ หากเชิญฝั่งนั้นมาเจรจา เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศควรจดข้อเท็จจริงของบทสนทนาต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเปิดเผยได้ว่าทางฝั่งนั้นรับใคร หรือขอใคร รวมทั้ง นายอาเด็ม และนายไมไรลี ที่มีคดีอยู่
ส่วนไทยจะสามารถกระชับและรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ จากเหตุการณ์อุยกูร์ได้ไหม รศ.ปณิธาน มองว่า สามารถทำได้ โดยที่ฝ่ายการเมืองควรกำกับดูแลคนตรงนี้ให้ดีและแก้ปัญหาให้ได้ และควรไปเจรจากับจีนก่อนเพราะทางจีนไม่ชอบให้ต่างชาติเข้าไปมีส่วนในการแทรกแซง อีกทั้งคราวหน้าผู้แทนสหประชาชาติ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ มีกำหนดการไปสังเกตการณ์ที่จีนพร้อมทั้งคณะที่เข้าไปตรวจสอบเป็นระยะ ซึ่งมีรายงานที่ไม่ค่อยดี จึงควรดำเนินการเชิงรุกเพื่อป้องกันผลกระทบต่อคนไทย
รศ.ปณิธาน กล่าวต่อว่า การต่อรองก่อนส่งตัวกลับจีนเป็นหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศฝ่ายความมั่นคง และในอนาคตควรเริ่มดำเนินการส่งกลุ่มอื่นพร้อม ๆ กันไปหลายกลุ่ม อย่าเลือกที่รัก มักที่ชัง ยังมีอีกนับแสนคนทั้งที่อยู่ในค่ายต่าง ๆ หรือชาวเมียนมาร์ส่งไปประเทศที่สามได้เลย เจรจากับสหรัฐฯตอนนี้เลยว่าจะรับกลุ่มอื่น ๆ ไหม และเจรจาให้ชัดเจน
ซึ่งไทยหนักมากในช่วงนี้ เศรษฐกิจก็ไม่ดี คนก็ทะลักเข้ามา ฉะนั้น รัฐบาลควรให้เครือข่ายเหล่านี้รับไปเลยแทนที่จะมาเฝ้าสังเกตการณ์ตอนกลางดึกอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม ทางการจีนเห็นใจเราหรือไม่กับการที่ไทยต้องเผชิญสถานการณ์นี้ รศ.ปณิธาน มองว่า รอบนี้ดีขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว ตอนส่งตัวกลับ 109 คน มีความยากลำบากมากในการดูหรือตรวจสอบ แต่ครั้งนี้ภาพนิ่ง คลิปวิดีโอที่ออกมาก็ยังไม่ชัดเจนว่าครบทุกคนหรือยัง ก็ต้องให้จีนเปิดรายชื่อออกมา และเครือข่ายของไทยตรงนั้นก็เยอะ สามารถไปตรวจสอบได้ พร้อมย้ำว่า ควรจะต้องคุยกับจีนให้ดีที่สุดเพื่อให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างราบรื่น