ชำแหละคดีเปลี่ยนความเร็วรถ "บอส อยู่วิทยา" ทำไมตำรวจรอด อัยการไม่รอด?

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ผู้เชี่ยวชาญร่วมกันวิเคราะห์ผลการพิพากษาคดีเปลี่ยนผลการคำนวณความเร็วรถ “บอส อยู่วิทยา” ทำไมออกมาว่าตำรวจรอด แต่อัยการไม่รอด?

กระแสร้อนแรงซึ่งเป็นที่พูดถึงอย่างมากในวันนี้ คือคดีของ “บอส อยู่วิทยา” ซึ่งตัวคดีความหลักนั้นจนถึงวันนี้ยังนำตัวมาดำเนินคดีไม่ได้ทั้งที่อีก 2 ปีจะหมดอายุความแล้ว แต่ระหว่างทางคดีหลัก มีคดีลูกคดีหลานที่เป็นตำนานมหากาพย์เกี่ยวข้องกันมา นั่นคือเรื่องของ “แก๊งเปลี่ยนความเร็ว” ที่พยายามเปลี่ยนความเร็วรถของ บอส อยู่วิทยา ไม่ให้เกินเกณฑ์ เพื่อให้รอดคดีขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และนำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องโดยอัยการ

คอนเทนต์แนะนำ
ย้อนไทม์ไลน์มหากาพย์คดี “บอส อยู่วิทยา” ขมวดปมแก้ความเร็วรถ!
ประวัติ "เนตร นาคสุข" อดีตรองอัยการสูงสุดผู้มีบทบาทในคดี บอส อยู่วิทยา
เปิดโฉมหน้า 8 จำเลย คดี “บอส อยู่วิทยา” หลังศาลอาญาคดีทุจริตพิพากษา

ชำแหละคดี “แก๊งเปลี่ยนความเร็วรถ บอส อยู่วิทยา” ทำไมตำรวจรอด อัยการไม่รอด? รายการเข้มข่าวเย็น
รถของ บอส อยู่วิทยา (แฟ้มภาพ)

ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตพิพากษา 8 จำเลยที่เป็นตำรวจ อัยการ นักวิชาการ โดยผลออกมาว่า ศาลสั่งจำคุกอัยการ 2 ท่าน ส่วนตำรวจยกฟ้องหมด

ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เกิดการตั้งคำถามในสังคมไทยอีกแล้วว่า นี่เป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่

อัยการสั่งไม่ฟ้องทั้งที่คดียังไม่สิ้นข้อสงสัย

ดร.น้ำแท้ มีบุญสล้าง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ให้ความเห็นว่า คดีที่เกิดขึ้นมีความพยายามช่วยเหลือมาตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่พยายามเปลี่ยนตัวคนขับรถ แต่มีคนโวยวาย จึงมีการเอาตัวจริงมา ความพยายามทำนองนี้มีตลอดทางของคดี

และทั้งที่คดีนี้มีทางให้เลือก ว่าจะสู้อย่างถูกต้อง รับผิดชอบ ชดเชยผู้เสียหาย กลับเลือกเส้นทางที่จะหนี เลือกเส้นทางที่จะจ่าย ทั้งที่การจ่ายให้ผู้เสียหายดีกว่าจ่ายให้เจ้าหน้าที่ แต่ก็เลือกทุจริต ไม่เข้าสู่ความจริง เลือกบิดเบือน ใช้เงิน ทำให้มีคนเกี่ยวข้องตามมาเป็นคดีลูกคดีหลาน

“อัยการ 2 ท่านที่โดน ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองสั่งไม่ฟ้อง ทั้งที่การรวบรวมพยานหลักฐานยังไม่สมบูรณ์ สรุปความเร็วรถยุติที่เท่าไรแน่ เมื่อไม่ทราบว่าเท่าไร ก็ควรจะต้องหาว่าเท่าไร แต่นี่เป็นการสั่งไม่ฟ้องโดยไม่รู้ความเร็ว ไม่พูดถึงความเร็ว” ดร.น้ำแท้กล่าว

อัยการเสริมว่า “ความเร็วเป็นเหตุผลชี้ได้ว่าคนที่ขับชน มีพฤติการณ์ประมาทหรือไม่ การไม่มีความเร็วทำให้บอกไม่ได้ว่าประมาทหรือไม่ ... การสั่งคดีไม่ฟ้องทั้งที่ไม่รู้ว่าความเร็วเท่าไรจึงเท่ากับข้ามการวินิจฉัย”

อัยการน้ำแท้บอกอีกว่า ตอนที่เรื่องมาถึงท่านอัยการที่สั่งไม่ฟ้อง ความเร็วรถเหลือ 79 กม./ชม.แล้ว แต่ข้อสงสัยเรื่องความเร็ว 177 กม./ชม. ยังไม่ยุติ แม้อ้างว่าไม่มีกล้องตอนรถปะทะคนก็จริง แต่มีตอนรถวิ่งจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง ซึ่งสามารถหาระยะทางกับเวลาที่ใช้มาคำนวณความเร็วได้

“อัยการต้องชัวร์เรื่องความเร็วจึงจะฟ้องได้ เอกสารสำนวนมา 79 กม./ชม. ก็จริง แต่ตัวอัยการต้องสงสัย ต้องไม่สิ้นกระแสความสงสัย แต่เรื่องนี้เท่าที่ทราบ พอไม่ชัวร์ ก็เลยไม่พูดถึง ไม่เอาข้อเท็จจริงมาวินิจฉัย แล้วก็สั่งไม่ฟ้อง” ดร.น้ำแท้กล่าว

เมื่อถามว่า อัยการอาจอ้างว่าตนเป็นปลายน้ำแล้ว ได้ข้อมูลมาอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น ดร.น้ำแท้ตอบว่า “แม้ปลายน้ำจริง แต่บางเรื่องสามารถทำได้ เรื่องความเร็วยังพอหาข้อยุติได้”

ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เสริมว่า อัยการคดีบอสไปสั่งไม่ฟ้องทั้งที่ความจริงยังไม่สิ้นข้อสงสัย พร้อมชี้ว่า มีความพยายามทำให้เป็นการประมาทร่วม ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ การเปลี่ยนเลนของตำรวจเปลี่ยนนานแล้ว แต่คุณมาชนท้ายเขา ถ้าไม่ขับเร็วอาจจะไม่ชน

“ถามว่าทำไมต้องสู้เรื่องความเร็ว เพราะมีคดีชนแล้วหนี ซึ่งศาลจะไม่รอลงอาญา ถ้าชนแล้วสาหัสรอลงอาญาได้ ดังนั้นก็ต้องติดคุก อาจจะรับไม่ได้ เลยสู้ด้วยการเปลี่ยนความเร็วไม่ให้เข้าข่ายประมาท” คุณวิรุตม์กล่าว

“แก๊งเปลี่ยนความเร็ว” รอดได้อย่างไร?

ข้อมูลหนึ่งของคดีบอส อยู่วิทยา คือ อาจารย์ ธ. ซึ่งถูกเชิญให้มาช่วยคำนวณความเร็วรถของบอส ให้การว่า “ถูกกดดัน” โดย “แก๊งเปลี่ยนความเร็ว” ให้พยายามช่วยเปลี่ยนความเร็วให้ต่ำกว่า 80 กม./ชม.

คุณวิรุตม์บอกว่า “ตัวเลข 79 กม./ชม. อาจารย์ ธ. กลืนไม่ลงจริง ๆ เพราะอาจจะติดคุกไปด้วย เลยเกิดการนวดไปมา ตั้งแต่บ่าย 2 จนถึง 4 ทุ่ม จนไปจบที่อาจารย์ ธ. บอกว่า ‘ไม่แน่ใจ’ ซึ่งเพียงพอแล้ว สอบสวนเขียนส่งอัยการทันที เพราะแค่คำว่าไม่แน่ใจก็ทำให้ตัวเลข 177 กม./ชม. ไม่มีน้ำหนักได้แล้ว”

คุณวิรุตม์บอกว่า ผลการพิพากษาปรากฏว่า แก๊งเปลี่ยนความเร็วรอดหมด เพราะอ้างว่าไม่มีใครไปกดดันอาจารย์ ธ. ทั้งที่ในข้อเท็จจริงยิ่งกว่ากดดัน คนมีอำนาจเหนือกว่ามาพูดอยู่นาน 8 ชั่วโมง ทำให้อึดอัด ให้เหนื่อย ให้เบื่อ เรียกไม่กดดันหรือ?

“แต่หาข้อมูลในเรื่องการบีบบังคับไม่ได้ ทั้งที่อาจารย์ ธ. ให้การว่าถูกกดดัน คิดภาพว่าเขาถูกผู้บังคับบัญชาเรียกมา ไม่ต้องพูดหรอกว่าเดี๋ยวจะเจออย่างนู้นอย่างนี้นะ แค่ตัวคนมีอำนาจมายืนก็เป็นการกดดันแล้ว ลองว่าถ้าคนมีอำนาจมายืนมองคุณเฉย ๆ ใจคุณก็ไปแล้วมั้ย” คุณวิรุตม์กล่าว

คุณวิรุตม์บอกอีกว่า ในระบบตำรวจ การให้จะใครทำอะไร เขาไม่พูดหรอกว่าเดี๋ยวโดนย้ายนะ บอกแค่นี่พรรคพวกพี่นะ ดูแลหน่อย เป็นการกดดันหรือไม่ คดีบอสนี่มีหลักฐานเป็นเทปเลยนะ ที่อาจารย์ ธ. บันทึกไว้ ที่มีถ้อยคำ “อย่าบอกว่าเปลี่ยนความเร็ว ให้เรียกว่าเป็นการคำนวณทดแทน” มีขนาดนี้แล้วยังรอดเลย

อัยการน้ำแท้เสริมว่า ช่องโหว่ของเรื่องนี้คือ ความกดดันมันเป็นเรื่องของความรู้สึก เมื่อเจ้าตัวบอกกดดัน ก็เป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะเชื่อหรือไม่ ซึ่งมีโอกาสจะถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ “อาจารย์ ธ. คิดไปเอง” เมื่อไม่มีคนกดดัน ก็ไม่มีความผิด คนที่อยู่ในห้องเปลี่ยนความเร็วนั้นเลยรอดหมด

คุณวิรุตม์กลาวเพิ่มเติมว่า คดีนี้เป็นครั้งแรกเลยที่มีพยานหลักฐาน มีคำพูด มีขนาดนี้ยังลงโทษไม่ได้ ถามว่าต้องเอาหลักฐานอะไรมากกว่านี้หรือ คดีนี้ 10 ปีมีความพยายามเปลี่ยนนู่นนี่มาตั้งแต่วันเกิดเหตุ ไม่เห็นมีใครติดคุกสักคน

“นี่ขนาดว่ามีคลิปที่นำมาคำนวณความเร็วได้ เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่น่าจะเปลี่ยนได้ แต่ประเทศไทยทำได้ เพียงทำให้เกิดความสงสัย เรียกคนคำนวณพิสูจน์มานวดให้งง ก็เพียงพอแล้ว” คุณวิรุตม์บอก

คดีอัยการกับคดีตำรวจควรแยกกัน

ดร.น้ำแท้กล่าวว่า คดีของอัยการและตำรวจที่ถูกนำมาพิจารณารวมกันนี้เป็นการตั้งหลักที่ผิด เพราะแก๊งเปลี่ยนความเร็วเกิดขึ้น 2 ปีก่อนที่อัยการจะสั่งไม่ฟ้อง เป็นคนละช่วงเวลากัน “นี่เป็นเหตุการณ์ที่ห่างกัน 2 ปีเอามาพ่วงกัน ทั้งที่เป็นคนละการกระทำ”

อัยการเสริมว่า “รูปคดีแบบนี้ยังไงก็ไม่ควรรวมคดีกัน คดีอัยการสั่งไม่ฟ้องกว่าจะสั่งตั้ง 2 ปีหลังแก๊งเปลี่ยนความเร็ว คนละข้อเท็จจริง คนละเวลา คนสั่งไม่ฟ้องเรื่องหนึ่ง คนเปลี่นความเร็วอีกเรื่องหนึ่ง”

ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้อาจเกิดการตีความที่ผิดในการพิจารณาคดี จนสุดท้ายมีคนรอด “คดีคนละวันเวลา ไม่มีจุดเชื่อมโยงกัน ... เกิดการเรียงจำเลยเหมือนเป็นขบวนการเดียวกัน แล้วมีอะไรบอกว่าแก๊งเปลี่ยนความเร็วบอกอัยการให้ทำแบบนี้ มีข้อเท็จริงอะไรหรือไม่ พอไม่มี ก็เท่ากับไม่ได้ทำ ไม่ได้สนับสนุนให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง” จึงเท่ากับรอดนั่นเอง

คุณวิรุตม์บอกว่า คดีหลักของบอส อยู่วิทยา ตอนนี้ไม่มีใครสนใจแล้ว เพราะดูทรงยังไงก็รอดแน่ ๆ ที่คนสงสัยคือ แก๊งเปลี่ยนความเร็วรอดอาญาแผ่นดินได้อย่างไร อัยการที่สั่งฟ้องไม่รอดนั้นเข้าใจได้ แต่ทำไมพวกนี้รอด

อัยการน้ำแท้เสริมว่า เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า กระบวนการยุติธรรมประเทศไทยเละมาก ซึ่งก็ต้องอยู่กันแบบนี้ต่อไปตราบใดที่ไม่มีการแก้ไข

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ