เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ออกมาเตือนภัยถึงความอันตรายของ “โรคติดเชื้อโปรโตซัวลิชมาเนีย” ในผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศแถบตะวันออกกลางมายังประเทศไทย โดยในปี 2568 พบผู้ป่วยโรคลิชมาเนีย จำนวน 2 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และตั้งแต่ปี 2539 – 2568 พบรายงานผู้ป่วยโรคลิชมาเนียในประเทศไทย 45 ราย และเสียชีวิต 7 รายแล้ว
สำหรับโรคติดเชื้อโปรโตซัวลิชมาเนียนั้น มีพาหะนำโรคคือ “ริ้นฝอยทราย” หรือ “แมลงริ้นฝอยทราย”
แมลงริ้นฝอยทราย เป็นแมลงสองปีกขนาดเล็กประมาณ 1 ใน 3 ของยุง หรือราว 2.5 - 3.5 มิลลิเมตร ตัวสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ลำตัวและปีกปกคลุมไปด้วยขนตั้งมัน ขณะเกาะพักจะตั้งปีกขึ้นบนหลังและกางออกเล็กน้อยเป็นรูปตัววี (V) บินได้ในระยะไม่ไกลเกินกว่า 2.2 กิโลเมตร เพราะมีพฤติกรรมเฉพาะแบบบินสลับกระโดด ตลอดชีวิตของแมลงริ้นฝอยทรายจึงออกหากินไม่ห่างจากแหล่งเพาะพันธุ์
ด้านแหล่งเพาะพันธุ์ แมลงริ้นฝอยทราย เพาะพันธุ์ได้ดีในดินที่อุดมไปด้วยสารอินทรีย์เน่าเปื่อยตามแหล่งที่มีความชื้นสูงและอุณหภูมิคงที่ เช่น พื้นถ้ำ พื้นป่าที่มีเศษใบไม้ทับถม โพรงไม้ จอมปลวก คอกสัตว์เลี้ยง โพรงสัตว์กัดแทะ รอยปริตามผนังดินของบ้าน เป็นต้น
รอบวงจรชีวิตหนึ่งของ แมลงริ้นฝอยทราย ใช้เวลานานกว่า 1 เดือนในดิน อาหารของพวกมันคือ เลือด โดยจะออกหากินในเวลาโพล้เพล้หรือกลางคืนเพื่อนำสารอาหารจากเลือดมาช่วยในการเจริญเติบโตของไข่ โดยมักกินเลือดเหยื่อแบบดูดจากกองเลือด (pool feeder) คือ กัดเคี้ยวผิวหนังอย่างรุนแรงจนเกิดการฉีกขาดของหลอดเลือดใต้ผิวหนัง ทำให้เลือดไหลออกมากองรวมกันเป็นแอ่ง เพื่อให้ดูดกินได้ง่าย ด้วยเหตุนี้การกัดของ แมลงริ้นฝอยทราย จึงสร้างความเจ็บปวดมากเทียบเคียงคล้ายโดนน้ำมันร้อนลวกหรือบุหรี่จี้
ซึ่งการแพร่เชื้อโรคติดเชื้อโปรโตซัวลิชมาเนียระยะติดต่อ จะเกิดขึ้นในเวลานี้ โดยเชื้อลิชมาเนียใช้เวลาเจริญเติบโตเต็มที่ในแมลงริ้นฝอยทรายประมาณ 6 - 9 วันขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ โดยแมลงริ้นฝอยทรายแต่ละชนิดชอบกินเลือดเหยื่อแตกต่างกันไป มีทั้งที่ชอบกินจากสัตว์เลือดอุ่น จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมทั้งคน สัตว์ปีก และสัตว์เลือดเย็นจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
สำหรับประเทศไทย แมลงริ้นฝอยทราย เป็นแมลงประจำถิ่นกลุ่มหนึ่งมีการแพร่กระจายทั่วไปทั้งประเทศ อาศัยชุกชุมในถ้ำหินปูน และถ้ำนกนางแอ่นกินรังริมทะเล และพบกระจัดกระจายตามสถานที่และชุมชนต่าง ๆ เช่น โบราณสถาน (ปราสาทหินทราย, วัด) บ้านร้าง เกาะพักเวลากลางวันอยู่ใน ผนังถ้ำ โพรงไม้ ซอกหิน จอมปลวก หลุมหลบภัย รอบบริเวณบ้านอาศัย เป็นต้น
แมลงริ้นฝอยทรายไทยพบครั้งแรกที่กรุงเทพมหานครเมื่อปี 2474 โดยนายแพทย์ชาวอังกฤษชื่อ จอห์น อเล็กซานเดอร์ ซินตัน ปัจจุบันค้นพบแล้วอย่างน้อย 28 ชนิดจากสายพันธุ์ทั่วโลกทั้งหมดมากกว่า 700 ชนิด
สำหรับแมลงริ้นฝอยทรายไทยส่วนใหญ่ไม่กัดคน ทำให้การแพร่โรคในบ้านเราไม่พบมากเช่นที่พบในหลายประเทศ การค้นพบที่มีความสำคัญทางระบาดวิทยาของโรคลิชมาเนียซิสคือ การพบแมลงริ้นฝอยทราย 2 ชนิดคือ Phlebotomus Major Major และ P. Hoepplii ที่กินเลือดคนเป็นครั้งแรกในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสายพันธุ์ที่กินเลือดวัวคือ P. argentipes และ P. Major Major ในอัตราเข้ากัดต่ำมาก ซึ่งเป็นข้อมูลยืนยันว่าในภูมิภาคนี้มีริ้นฝอยทรายที่กัดคนได้ไม่ใช่ไม่มีอย่างที่เคยรับรู้มา
นอกจากนี้ ยังพบแมลงริ้นฝอยทรายชนิด Sergentomyia Gemmea ที่สงสัยว่าอาจเป็นพาหะนำเชื้อลิชมาเนียสายพันธุ์ไทย Leishmania Siamensis ในบ้านเรา
อย่างไรก็ตามยังต้องทำการศึกษาวิจัยแมลงริ้นฝอยทรายชนิดนี้ในรายละเอียดต่อไปเพื่อยืนยันว่า แมลงริ้นฝอยทรายชนิดนี้เป็นพาหะแพร่ลิชมาเนียซิสในประเทศไทย เพราะยังไม่พบหลักฐานว่ามันกัดกินเลือดคนเลย
สุดท้ายระหว่างปี 2549 - 2554 มีการค้นพบแมลงริ้นฝอยทรายสายพันธุ์ไทยชนิดใหม่ของโลก 4 ชนิดจากถ้ำหินปูนได้แก่ Chinius Barbazani (Depaquit et al., 2006), P. Mascomai (Muller et al., 2007), P. Barguesae (Depaquit et al., 2009) และ S. Phasukae (Curler 2011) จึงนับได้ว่าแมลงริ้นฝอยทรายเป็นแมลงชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าต่อการศึกษาวิจัยเชิงวิวัฒนาการ อนุกรมวิธาน ชีวนิเวศ ระบาดวิทยา และปฎิสัมพันธ์ระหว่างเชื้อก่อโรค