เพจเฟซบุ๊กโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ โพสต์ภาพการทำงานของทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ พร้อมระบุข้อความถึงสถานการณ์ภายในโรงพยาบาล ซึ่งพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยใหม่เพิ่มรวดเร็ว และมีแนวโน้มว่าผู้ป่วยอาการหนักมากขึ้นด้วย ทำให้โรงพยาบาลต้องตัดสินใจเพิ่มเตียงอีก 21 เตียงสำหรับผู้ป่วยโควิดอาการวิกฤต
ผศ.นพ.ฉัตรชัย มิ่งมาลัยรักษ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในฐานะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ บอกว่า ขณะนี้โรงพยาบาลมีผู้ป่วยในความดูแลใกล้เต็มศักยภาพแล้ว
"อู่ฮั่นโมเดล" จีนล็อกดาวน์คุมโควิด-19 อย่างไร?
เปิดรายละเอียด “อู่ฮั่นโมเดล” ปิดเมือง ยั้งโควิดระบาด
ซึ่งผู้ป่วย 70 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ป่วยสีเหลือง และอีก 20 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ป่วยสีเหลืองเข้ม จึงเร่งขยายเตียงสีเหลืองเพิ่มอีกประมาณ 14 เตียง และสิ่งที่น่ากังวลตอนนี้ คืออัตราผู้เสียชีวิตที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
ที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลพยายามทำ Home Isolation ในผู้ป่วยเขียวให้มากขึ้น แต่หากจำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลง ก็มีแนวโน้มว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงถึง 200 คนต่อวัน
ส่วนมาตรการควบคุมโรค นพ.ฉัตรชัย มองว่าหากยังไม่ล็อกดาวน์ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่สามารถยับยั้งการระบาดได้ เพราะตอนนี้ห้ามเดินทางเฉพาะกลางคืน แต่กลางวันยังมีสามารถออกมานอกบ้านได้ปกติ จึงมีโอกาสจะแพร่เชื้อได้ จึงมองว่าสถานการณ์ตอนนี้มีความจำเป็นที่อาจต้องใช้การล็อกดาวน์แบบอู่ฮั่น
อีกประเด็นที่น่ากังวลก็คือ จำนวนยาฟาวิพิราเวียร์ ที่อาจมีไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นตัวเลขแตะ 2 หมื่นคน ก็คาดการณ์ว่าอาจต้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์เฉลี่ยเดือนละ 30-40 ล้านเม็ดต่อวัน แต่กำลังการผลิตในประเทศ ทำได้เพียงเดือนละ 3-4 ล้านเม็ดเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการให้โรงงานผลิตยาของเอกชนที่มีมาตรฐานเข้ามาช่วยผลิตยาเพิ่มจากที่องค์การเภสัชกรรมทำอยู่ หรือ ต้องนำเข้ายาเดือนละ 30-40 เม็ด เพราะหากไม่ทำอะไรเลยประมาณกลางเดือนสิงหาคม หรือ อีกสองสัปดาห์ นอกจากไม่มีวัคซีน ไม่มีเตียง ก็จะไม่มียารักษาโควิดด้วย
ส่วนการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนธรรมศาสตร์ ปัจจุบันสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ประมาณ 2,000 - 3,000 คนต่อวัน แต่ตอนนี้วัคซีนที่มีอยู่น่าจะฉีดได้ถึงวันที่ 10 สิงหาคม หากไม่ได้รับการจัดสรรเพิ่มเติม ก็คงต้องหยุดให้บริการก่อนชั่วคราว.