รายงานทางวิทยาศาสตร์ของวารสาร Nature ได้เผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยของโรงพยาบาลฮูสตัน เมธอดิสต์ สหรัฐฯ ระบุว่า เนื่องจากการรักษาตัวในโรงพยาบาลในโรงพยาบาลโควิด-19 ผู้ป่วยโควิด-19 บางรายยังคงมีอาการหลงเหลืออยู่แม้หายดีจากโควิด-19 เป็นเวลานานแล้วก็ตาม
โดยลักษณะดังกล่าวเรียกว่า “ลองโควิด (Long COVID)” เป็นอาการที่หลงเหลือหลังจากติดเชื้อโควิด-19 ลักษณะอาการอาจเหมือนหรือคล้ายกับช่วงที่ติดโควิด-19 แต่บางคนก็อาจมีอาการที่ดูไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 เลยก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้
LONG COVID อาการต่อเนื่องของคนเคยป่วยโควิด ที่ไม่ควรมองข้าม
อัปเดต "ภาวะ Long COVID" ทั้งเกิดขึ้นใหม่และเป็นต่อเนื่อง หลังติดเชื้อโควิด-19
ดร.โซเนีย วิลลาพอล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านศัลยกรรมประสาทที่โรงพยาบาลฮูสตัน และทีมวิจัย ได้ทำการศึกษาผู้ป่วยโควิด-19 เกือบ 48,000 ราย พบผลกระทบระยะยาวหลังหายป่วยโควิด-19 มากถึง “55 อาการ”
อาการที่พบบ่อยที่สุดเหล่านี้มีตั้งแต่ไม่รุนแรงจนถึงทำให้ร่างกายทรุดโทรม และมีผลยาวตั้งแต่หลักหลายสัปดาห์จนถึงหลักหลายเดือนหลังหายจากโควิด-19 โดยอาการที่พบมากที่สุด 10 อันดับแรกคือ
- เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย (58%)
- ปวดศีรษะ (44%)
- สมาธิสั้น (27%)
- ผมร่วง (25%)
- หายใจลำบาก (24%)
- สูญเสียการรับรสชาติ (23%)
- สูญเสียการรับกลิ่น (21%)
- หายใจถี่ (21%)
- ปวดตามข้อ (19%)
- ไอ (19%)
นอกจากนี้ยังอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคปอด เช่น รู้สึกไม่สบายหน้าอก ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และการเกิดพังผืดในปอด และพบปัญหาหัวใจและหลอดเลือด เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และกล้ามเนื้อหัวใจตาย และปัญหาอื่น ๆ เช่น หูอื้อและเหงื่อออกตอนกลางคืน นักวิจัยรู้สึกประหลาดใจที่พบอาการทางระบบประสาทหลายอาการด้วย เช่น ภาวะสมองเสื่อม ซึมเศร้า วิตกกังวล และโรคย้ำคิดย้ำทำ
งานวิจัย เผยระดับแอนติบอดีในผู้ป่วย อาจกำหนดว่า ใครเป็น “Long Covid”
พบ “ภาวะลองโควิด (Long COVID)” อาจคงอยู่แม้หายจากโควิด-19 แล้ว 1 ปี
เพื่อประเมินผลกระทบระยะยาวของโควิด-19 ทีมวิจัยใช้วิธีรวบรวมข้อมูลงานวิจัยที่ได้ตีพิมพ์ทั้งหมด 18,251 ฉบับ โดยพบ 15 ฉบับมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์การคัดเลือกสำหรับนำมาศึกษา โดยที่เลือกมาเป็นงานวิจัยที่ดำเนินการในสหรัฐฯ ยุโรป สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย จีน อียิปต์ และเม็กซิโก กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ใหญ่อายุ 17-87 ปีทั้งหมด
การศึกษารวบรวมข้อมูลจากการให้ผู้ป่วยทำแบบประเมินสำรวจตนเอง เวชระเบียน และการประเมินทางคลินิก โดยใช้เวลาติดตามผลหลังหายจากโควิด-19 ตั้งแต่ 14-110 วัน โดย 40% ของการศึกษาเป็นผู้ป่วยที่ป่วยโควิด-19 ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ส่วนที่เหลือเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง อาการปานกลาง และอาการรุนแรงแต่ไม่ได้เข้าโรงพยาบาล
ทีมวิจัยได้ดำเนินการทบทวนอย่างเป็นระบบและวิเคราะห์อภิมานการศึกษาเหล่านี้ เพื่อประเมินความชุกของอาการที่ผิดปกติทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังหายป่วยจากโควิด-19 พวกเขาพบว่า 80% ของผู้ใหญ่ที่หายป่วยจากโควิด-19 จะต้องมีอาการลองโควิดอย่างน้อย 1 อาการเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนหลังจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งในกลุ่มแสดงอาการเล็กน้อย ปานกลาง หรือรุนแรง
นักวิจัยกล่าวว่า ผลกระทบที่คงอยู่หลังหายป่วยโควิด-19 แบบเดียวกันนี้ในเกิดขึ้นหลายประเทศ การศึกษาของพวกเขายืนยันว่า ภาวะของลองโควิดนั้นมีอยู่จริง และเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการติดตามการเกิดโรคแทรกซ้อนเรื้อรังเหล่านี้ ต้องสื่อสารให้ประชาชนทราบอย่างชัดเจนและกำหนดกลยุทธ์การรักษาเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบระยะยาวจากโควิด-19
นักวิจัยกล่าวว่า ในขั้นต่อไปพวกเขาจะเน้นไปที่การศึกษาว่า อะไรทำให้บุคคลบางกลุ่มมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะลองโควิดเป็นเวลานาน
สำหรับอาการทั้ง 55 อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังหายจากโควิด-19 ประกอบด้วย
ลักษณะอาการที่ผิดปกติทางคลินิก
- เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย (58%)
- ปวดศีรษะ (44%)
- สมาธิสั้น (27%)
- ผมร่วง (25%)
- หายใจลำบาก (24%)
- สูญเสียการรับรสชาติ (23%)
- สูญเสียการรับกลิ่น (21%)
- หายใจถี่ (21%)
- ปวดตามข้อ (19%)
- ไอ (19%)
- เหงื่อออก (17%)
- คลื่นไส้หรืออาเจียน (16%)
- ปวดหน้าอก (16%)
- สูญเสียความทรงจำ (16%)
- สูญเสียการได้ยินหรือหูอื้อ (15%)
- ภาวะวิตกกังวล (13%)
- ภาวะซึมเศร้า (12%)
- ความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร (12%)
- น้ำหนักลด (12%)
- สัญญาณโรคผิวหนัง (12%)
- อัตราการเต้นของหัวใจขณะพักสูงขึ้น (11%)
- ใจสั่น (11%)
- อาการปวด (11%)
- ไข้เว้นระยะ (11%)
- ความผิดปกติในการนอนหลับ (11%)
- ความจุก๊าซของปอดลดลง (10%)
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (8%)
- หนาวสั่น (7%)
- ปัญหาสุขภาพจิต (7%)
- โรคทางจิตเวช (6%)
- ตาแดง (6%)
- เกิดพังผืดที่ปอด (5%)
- โลหิดแล่นไม่ต่อเนื่อง (5%)
- เบาหวาน (4%)
- มีเสมหะ (3%)
- อาการบวมน้ำที่แขนขา (3%)
- อาการวิงเวียนศีรษะ (3%)
- สโตรก (3%)
- เจ็บคอ (3%)
- ภาวะอารมณ์ผิดปกติ (2%)
- ภาวะทุกข์ใจ (2%)
- OCD (2%)
- ความดันโลหิตสูง (1%)
- กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (1%)
- ภาวะไตวาย (1%)
- PTSD (1%)
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ (0.4%)
- ภาวะหวาดระแวง (0.3%)
ความผิดปกติการทดสอบในแล็บและการทดสอบอื่น ๆ
- ผลเอ็กซ์เรย์/ซีทีสแกนผิดปกติ (34%)
- ระดับ D-dimer สูง (ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพในการวินิจฉัยภาวะอุดตันของเส้นเลือดดำ ภาวะอุดตันของเส้นเลือดในปอด) (20%)
- ระดับ NT-proBNP สูง (ตัวบ่งชี้ที่ช่วยในการตรวจวินิจฉัยภาวะหัวใจล้มเหลว) (11%)
- ระดับ C-reactive protein สูง (ตัวบ่งชี้ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ) (8%)
- ระดับ Serum Ferritin สูง (ตัวบ่งชี้ปริมาณธาตุเหล็กสะสมในร่างกาย) (8%)
- ระดับ Procalcitonin สูง (ตัวบ่งชี้การติดเชื้อแบคทีเรีย) (4%)
- ระดับ IL-6 สูง (ตัวบ่งชี้การอักเสบในร่างกาย เช่น ตับอักเสบ) (3%)
เรียบเรียงจาก Nature / News Medical
ภาพจาก Getty Image