ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐ (CDC) เปิดผลการวิเคราะห์วัคซีนโดยกระตุ้นของไฟเซอร์และโมเดอร์นา สามารถป้องกันโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ ทั้ง "โอมิครอนและเดลตา"
ข้อมูลจากการศึกษาล่าสุด สนับสนุนผลการศึกษาก่อนหน้านั้นว่าการฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นเข็มที่ 3 ช่วยป้องกันโควิดกลายพันธุ์โอมิครอน โดยการศึกษาชิ้นหนึ่งที่รายงานเมื่องวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่าโดสที่ 3 ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา มีประสิทธิภาพถึง 90% ในการลดการเจ็บป่วยหนักจนต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งมีผลทั้งสายพันธุ์โอมิครอนและเดลตา
วิจัยสหรัฐฯ พบสารสกัด CBD จากกัญชา ยับยั้งโควิด-19 ในเซลล์คนและหนูได้
จับตา “โอมิครอน BA.2” หวั่นเป็นสายพันธุ์ใหม่แทนที่โอมิครอนตัวปัจจุบัน
การศึกษาขนาดเล็กเผย “สปุตนิก วี” สร้างภูมิต้านโอมิครอนดีกว่า “ไฟเซอร์”
ในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลตา พบว่าประสิทธิภาพวัคซีนป้องกันการเข้าโรงพยาบาล 90% ในช่วง 2 สัปดาห์จนถึง 6 เดือนหลังการฉีดโดสที่สอง และ 94% หลังฉีดโดยกระตุ้นไปแล้ว 2 สัปดาห์ แต่หลังจากโควิดโอมิครอนระบาด ประสิทธิภาพป้องกันป่วยหนักลดลงเหลือ 81% และ 90% ตามลำดับ
แพทย์หญิง โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC กล่าวว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนยังมีความเสี่ยงป่วยรุนแรงและเสี่ยงติดเชื้อง่ายขึ้น โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อและป่วยหนัก โดยเฉพาะการฉีดเข็มกระตุ้นตามกำหนดเวลา
การศึกษาเพิ่มเติมที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ช่วยสนับสนุนให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นและสนับสนุนการศึกษาก่อนหน้านั้นว่าวัคซีนเข็ม 3 จากไฟเซอร์และโมเดอร์นาช่วยป้องกันได้ แต่การฉีดเพียงสองเข็มจะมีประสิทธิภาพน้อยลงในการป้องกันไวรัส
การศึกษาชี้ว่าการฉีดเพียง 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันโอมิครอนจะลดลงหลังผ่านไปเดือนเดียว แต่การฉีดโดสที่สามจะเพิ่มภูมิคุ้มกันมากกว่า 50%
การศึกษายังพบอีกว่าผู้ที่ติดเชื้อเดลตาจะมีภูมิคุ้มกันโควิดมากกว่าการฉีดวัคซีน แต่นั่นเป็นการศึกษาก่อนการระบาดของโอมิครอน ซึ่งการสร้างภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อไม่สามารถใช้ได้กับช่วงที่เกิดการระบาดของโอมิครอน