“ทนายษิทรา” เชื่อ “น้องชมพู่” ขึ้นเขาเองไม่ได้ เผยยังไม่รับทำคดี “ลุงพล” รอคุยพยานเพิ่มก่อน

“ทนายตั้ม” ยังไม่รับทำคดี “ลุงพล” ขอลงพื้นที่ไขข้อสงสัยก่อน

ทนายตั้ม ตัดพ้อ แค่ไปบ้านกกกอก อุปสรรคเยอะ

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เส้นทางที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินสำรวจภูเหล็กไฟ พร้อมกับ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ลุงของน้องชมพู่ นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูยาผล ยูทูบเบอร์ และผู้สื่อข่าว รวมกว่า 30 ชีวิต ขึ้นไปยังจุดพบศพน้องชมพู่นั้น ตั้งต้นที่สวนยางพาราหลังบ้านน้องชมพู่ ซึ่งเป็นเส้นทางตัดตรงที่ใกล้ที่สุด มีระยะทาง 1.2 กิโลเมตร แต่มีความลาดชันสูง โดยทั้งหมดเริ่มเดินจากสวนยางพาราเวลา 9.00 น. ก่อนไปถึงจุดที่พบศพเวลาประมาณ 10.30 น. ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง โดยมีการหยุดพักเป็นระยะ

โดยจุดหนึ่งที่นายไชย์พล พานายษิทรา และคณะมาดู คือจุดที่มีการพบรถแบคโฮของเล่น ตกอยู่ ก่อนถึงจุดพบศพประมาณ 200 เมตร โดยจุดนี้นายษิทราได้สอบถามนางพงษ์สุดา เชื้อคนแข็ง หรือ  ย่าของน้องอชิ เจ้าของรถแบคโฮของเล่นคันดังกล่าว ยืนยันว่าน่าจะเป็นรถคันเดียวกับรถของเล่นของน้องอชิที่หายไป ขณะที่นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความที่มาด้วยกัน วิเคราะห์ว่า หากน้องเสียชีวิตข้างล่างภูเหล็กไฟ ไม่น่ามีรถแบคโฮของเล่น ขึ้นมาถึงจุดนี้ด้วย

ทนายตั้มเผยจบโควิดลุยคดีน้องชมพู่เต็มที่

ผบ.ตร.ยันยังไม่มีหมายจับคดี"น้องชมพู่"

จากจุดพบรถแบคโฮ ขึ้นไปชั้นที่ 4 ของภูเหล็กไฟ ซึ่งเป็นจุดพบศพ  เป็นช่วงที่ภูเขามีความลาดชันที่สุดจนนายษิทราถึงกับบอกว่าทางนี้ขึ้นยากมาก และเมื่อมาถึงจุดพบศพ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ระบุว่า ก่อนหน้านี้ นายไชย์พล ได้ย้ำกับตนเองหลายครั้งว่าทางขึ้นไปยังจุดพบศพลำบาก เด็กไม่สามารถขึ้นมาเองได้แน่ แต่ตนเองเป็นทนายเลยอยากมาดูให้เห็นกับตา ซึ่งพอได้มาดูแล้ว เชื่อได้ว่าเด็กไม่สามารถเดินขึ้นมาได้เอง เพราะทางขึ้นลาดชันมาก โดยเฉพาะชั้นสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นมาถึงจุดพบศพที่เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่า ไม่ว่าจะมาทางไหนก็ต้องผ่านความลาดชันแบบนี้ ทำให้เชื่อว่าการเสียชีวิตของน้องชมพู่มีเงื่อนงำ เพราะเด็กไม่สามารถขึ้นมายังจุดพบศพได้โดยลำพัง รวมถึงถ้าจะมีคนอุ้มเด็กขึ้นมา หากอุ้มคนเดียวก็น่าจะลำบาก

ด้านนายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ ระบุว่า รู้สึกดีใจที่นายษิทรามาดูพื้นที่ แต่เมื่อถามถึงเรื่องน้องชมพู่ว่ายังสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่เพราะเป็นคนพบศพเป็นกลุ่มแรก ๆ นายไชย์พล มีอาการน้ำตาคลอ ก่อนบอกว่าไม่พูดดีกว่า เพราะพูดไม่ออก สำหรับการเดินขึ้นภูเหล็กไฟ ของนายษิทราวันนี้ เป็นหนึ่งใน 3 เงื่อนไขการรับทำคดี

โดยนายษิทรา ระบุว่า แม้จะได้คุยกับพยานบางส่วน แต่ยังไม่สามารถรับทำคดีให้กับนายไชย์พลได้ เพราะยังมีพยานสำคัญอีกหลายคนที่ต้องไปพูดคุยก่อนตัดสินใจ รวมถึงแม่ของน้องชมพู่ด้วย ซึ่งหลังจากลงจากภูเหล็กไฟแล้ว ตนเองมีธุระเรื่องอื่นที่ต้องไปทำก่อน และจะกลับมาที่หมู่บ้าน พูดคุยกับพยานส่วนที่เหลือก่อนวันที่ 14 ก.พ. นี้