"เทศกาลกินเจ 2567" ประเพณีของคนไทยเชื้อสายจีน ที่ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยภายในช่วง 9 วัน 9 คืน เริ่มตั้งแต่ 3-11 ตุลาคมนี้ จะมีการจัดกิจกรรมกินเจขึ้น อาทิ การขายอาหารเจหรือบริโภคอาหารเจ การถือศีลนุ่งขาวห่มขาว หรือบางคนอาจจะเดินทางไปที่วัดเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรสะเดาะเคราะห์ตามสถานที่ต่าง ๆ จนทำให้เทศกาลนี้ได้ชื่อว่า "เทศกาลบุญใหญ่ของปี"
ความเชื่อเทศกาลกินเจของจีนและไทย
แนวความเชื่อทางพระพุทธศาสนามหายานของจีนได้มีการนำเอาความเชื่อแบบพราหมณ์มาผสมกัน จึงเกิดความเชื่อในเรื่องเทพเทวดาต่าง ๆ ที่มีสาระอันสืบเนื่องมาจากจิตวิญญาณของผู้คน รวมกับความเชื่อที่ผสมผสานแบบตะวันตก ซึ่งได้นำมาใช้ในทางด้านชีวิตจิตใจของผู้คน ทำให้พระที่เทศนาชาวจีนยึดถือการบำเพ็ญบุญโดยให้ทำตามความเชื่อของพระเจ้าอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นเทพเทวดาที่มีอำนาจกำกับคนจีนในทางปฏิบัติ
พระพุทธเจ้าและสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้วก็ไม่ปรากฏว่ามีการมากลับในรูปบุคคลอธิษฐานอีกต่อไป ดังนั้นจึงมีการรากฐานมาจากความเชื่อทางศาสนาพุทธมหายานอย่างลึกซึ้งผสมกับความเชื่อแบบทางตะวันตกที่มีการบูชาเทพเทวดา แต่ในทางปฏิบัตินั้นก็จะมีการบำเพ็ญบุญด้วยการทำทานรักษาศีล
ในช่วงเทศกาลกินเจ เพื่อให้ได้บุญบารมี 9 วัน 9 คืนนั้น ประชาชนผู้ศรัทธาและเข้าร่วมเทศกาลกินจจะต้องอุทิศความสุขกายสบายใจเหล่านี้ไปยังทวยเทพผู้เป็นใหญ่ทั้งหลายในสวรรค์และโลก เพราะฉะนั้นในช่วงเวลานั้นจะมีการสวดมนต์อธิษฐานเพื่อความสุขเจริญรุ่งเรืองและขอพรให้แก่ตนเอง ทุกปีอย่างต่อเนื่องและความเชื่อเช่นนี้ได้เผยแพร่ไปยังคนไทยกลุ่มต่าง ๆ รวมทั้งพวกที่เป็นเถรวาท พิธีกินเจจึงได้รับความนิยมจนกลายเป็นเทศกาลสำคัญในเมืองไทย
Shutterstock/-
เทศกาลกินเจ 2567
กินเจสร้างบุญกุศลอย่างไร?
ในทางพุทธศาสนาการกินเจคือการละเว้นจากการกินนื้อสัตว์และรักษาศีล ซึ่งเป็นหนึ่งในหนทางสั่งสมบำเพ็ญบุญบารมี เพราะช่วยลดการเบียดเบียนสรรพสัตว์และโลก ไม่ใช่การกินที่ปรุงแต่งด้วยเหตุผลของการเว้นเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่เป็นการแสดงความเมตตา ไม่อยากทำลายชีวิตสัตว์ และเป็นการบำเพ็ญตนเพื่อเป็นธรรมทัศน์ อันบวกปฏิบัติ 3 คือ การกินเจจะนำไปสู่พระรัตนตรัย ได้รวมเอาของของการบริโภคเข้าไปในขันธ์ห้า และหากการกินเจจะนำไปสู่การบรรลุธรรมได้นั้นจะต้องมีการปฏิบัติ 3 ประการในการบรรลุ
1. อินทรียสังวร คือ การสำรวมระวังอินทรีย์ทั้ง 6 อัน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพื่อไม่ให้ถูกอารมณ์มาครอบงำจิตใจ ดังนั้น เมื่อ ตา หู จมูก ได้กลิ่น ลิ้มรส กายสัมผัส และใจคิดก็ต้องมีสติ ตามอยู่สม่ำเสมอ ไม่ปล่อยใจให้จมอยู่ในอารมณ์ แต่ต้องควบคุมและสามารถละวางได้
2. โภชเนมัตตัญญุตา คือ การประมาณในการบริโภคและรู้จักพิจารณาอาหารที่จะนำไปหล่อเลี้ยงร่างกายโดยเห็นอาหารเป็นเหมือนกับยาที่ช่วยบำรุงชีวิตในขณะเดียวกันก็เห็นความเป็นฤทธิ์ที่อยู่ในอาหารนั้นเพียงพอที่จะทำการบรรลุธรรมไปได้ด้วย
3. ชาคริยานุโยค คือ การตื่นอยู่เสมอ ไม่เห็นแก่เหนื่อยและไม่เกียจคร้าน แต่มีความขยันขันแข็งในการปฏิบัติให้ก้าวหน้าในการละเวร ดังนั้นคนที่เห็นแก่กินน้อยกว่าความอดทน แต่จะทำให้มีความตื่นตัวสามารถอดทนในสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้สูงยิ่งขึ้นตามธรรมชาติ
ตามที่กล่าวมานี้ เราจะเห็นได้ว่าพระพุทธศาสนาให้ความสำคัญในการกินเจอย่างมากในทางพระพุทธศาสนา เพราะถ้าจะยึดถือในการกินเจ จึงไม่ใช่เพียงแค่การเว้นอาหารบางชนิดเท่านั้น แต่ยังต้องสำรวมระวังการกระทำทั้งหมดทั้งจิตใจและพฤติกรรม
ที่มา : กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ (2530). พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับสังคายนา ในพระบรมราชูปถัมภ์ พุทธศักราช 2530