นิทานอีสปอ่านเพลิน เข้าใจง่าย แฝงข้อคิด ให้คติสอนใจ

การเล่านิทานให้ลูกฟังไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับเด็ก แต่ยังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสอนลูก ๆ ถึงคุณธรรมและคติสอนใจที่สำคัญในชีวิต นิทานอีสปเป็นหนึ่งในนิทานสอนใจสั้น ๆ เนื้อหากระชับ ที่เหมาะสำหรับการเล่าให้เด็กฟัง เพราะมีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย แฝงข้อคิดดี ๆ ที่สามารถปลูกฝังคุณธรรมต่าง ๆ

นิทานอีสปสำหรับเด็ก รวมเรื่องสั้นแฝงข้อคิด ให้คติสอนใจ

เช่น ความซื่อสัตย์ ความพยายาม หรือการคิดรอบคอบ นิทานเด็กสั้น ๆ เหล่านี้ไม่เพียงแต่สนุกสนาน แต่ยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้บทเรียนชีวิตที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับนิทานอีสป พร้อมรวบรวมเอานิทานอีสปที่โด่งดัง 10 เรื่อง พร้อมข้อคิดเตือนใจที่ได้จากนิทานแต่ละเรื่อง เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่อยากอ่านให้เด็ก ๆ ฟังก่อนนอน หรือจะใช้ฝึกสอนให้เด็ก ๆ อ่านหนังสือคล่องมากขึ้นก็ได้เช่นกัน

นิทานอีสป คือ เรื่องเล่าขนาดสั้นที่มีต้นกำเนิดจากอารยธรรมกรีกโบราณ เชื่อกันว่าเริ่มเผยแพร่โดยชายที่มีชื่อว่า "อีสป" (Aesop) เขาคือผู้มีฝีมือในการเล่าเรื่องอย่างชาญฉลาด แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 2,000 ปี แต่นิทานเหล่านี้ก็ยังคงความร่วมสมัย ด้วยเนื้อหาที่เข้าใจง่าย แฝงแง่คิดคมคาย และมักใช้สัตว์พูดได้เป็นตัวดำเนินเรื่อง ทำให้คนทุกยุคทุกวัยสามารถเข้าถึงและเรียนรู้ได้ไม่ยาก นิทานอีสปจึงไม่ใช่แค่นิทานธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือถ่ายทอดคุณธรรมที่ยังคงสดใหม่มาจนถึงปัจจุบัน

รวม 10 นิทานอีสป เรื่องเล่าสั้น ๆ ให้บทเรียนลึกซึ้ง

สำหรับใครที่สนใจนิทานอีสป หรือเรื่องเล่าที่มีคติสอนใจ ลองมาดู 10 สุดยอด นิทานก่อนนอน นิทานสั้น ๆพร้อมข้อคิดที่เหมาะทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ จะมีเรื่องไหนน่าสนใจบ้างมาดูกัน

1. ราชสีห์กับหนู

ราชสีห์เจ้าป่ากำลังนอนหลับอย่างสงบ แต่หนูตัวหนึ่งซุกซนไต่ขึ้นไปบนตัวจนทำให้ราชสีห์ตื่นและโกรธมาก จึงจับหนูไว้ในกรงเล็บ หนูจึงอ้อนวอนขอชีวิตและสัญญาว่าในอนาคตจะตอบแทนบุญคุณ แม้ราชสีห์จะหัวเราะเยาะ แต่ก็ยอมปล่อยไปด้วยความเมตตา วันหนึ่งราชสีห์ติดบ่วงพราน พยายามดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด หนูได้ยินเสียงร้องจึงรีบมากัดเชือกช่วยไว้ ราชสีห์จึงรอดชีวิตจากน้ำใจของหนูตัวเล็ก ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ

ข้อคิดที่ได้จากนิทานอีสปเรื่องนี้ : อย่าดูถูกผู้ที่เล็กกว่า เพราะแม้ผู้น้อยก็สามารถช่วยเหลือผู้ใหญ่ได้ในยามคับขัน

2. กระต่ายกับเต่า

กระต่ายผู้ชอบโอ้อวดว่าตนวิ่งเร็วที่สุด วันหนึ่งเห็นเต่าเดินช้าๆ จึงหัวเราะเยาะและท้าแข่งวิ่งกัน เต่าตอบรับอย่างมั่นใจ แม้จะรู้ว่าตัวเองช้ากว่ามาก เมื่อเริ่มแข่ง กระต่ายวิ่งนำไปไกล แต่กลับชะล่าใจ นอนหลับพักใต้ต้นไม้ ส่วนเต่ายังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดพัก กระต่ายตื่นขึ้นรีบวิ่งสุดแรง แต่สายเกินไป เต่าเข้าเส้นชัยก่อน คว้าชัยด้วยความพากเพียรและความมุ่งมั่น

ข้อคิดที่ได้จากนิทานอีสปเรื่องนี้ : อย่าประมาทแม้คิดว่าตัวเองเหนือกว่า เพราะความชะล่าใจอาจทำให้พ่ายแพ้ได้อย่างไม่คาดคิด

3. ชาวนากับงู

วันหนึ่งในฤดูหนาว ชาวนาเดินไปพบงูตัวหนึ่งนอนแน่นิ่งขดตัวอยู่ข้างทางเพราะอากาศหนาวจัด มันดูใกล้จะสิ้นใจเต็มที ชาวนาเห็นแบบนั้นจึงเกิดความสงสาร ตัดสินใจอุ้มงูขึ้นมาไว้ในอกเสื้อเพื่อให้ความอบอุ่น แต่เมื่อร่างกายงูเริ่มอบอุ่นและฟื้นคืนสติ มันกลับกัดชาวนาอย่างไม่ลังเล ชาวนาร้องด้วยความเจ็บปวด และพูดเป็นคำสุดท้ายว่า

"ข้าช่วยเจ้าด้วยความเมตตา แต่เจ้าตอบแทนข้าด้วยพิษร้าย นี่แหละ ผลของการช่วยเหลือผู้ที่ไม่รู้จักคุณคน"

ข้อคิดที่ได้จากนิทานอีสปเรื่องนี้ : น้ำใจที่ให้ผิดคน อาจกลายเป็นภัยต่อตัวเราเอง

4. ลูกหมูสามตัว

กาลครั้งหนึ่งมีลูกหมูสามตัวที่สร้างบ้านเป็นตัวเอง ลูกหมูตัวโตสุดสร้างบ้านจากฟาง เพราะคิดว่ามันทำได้ง่ายและเร็วที่สุด ตัวที่สองสร้างบ้านจากไม้ เพราะคิดว่าไม้แข็งแรงกว่าฟาง แต่ลูกหมูตัวเล็กสุดเลือกที่จะสร้างบ้านจากอิฐ เพราะรู้ว่ามันจะมั่นคงและทนทานกว่า

วันหนึ่ง หมาป่าผู้ชั่วร้ายมาถึง เขาไปที่บ้านฟางและเป่าบ้านฟางพังจนลูกหมูตัวพี่ต้องวิ่งหนีไปหาน้องที่บ้านไม้ หมาป่าก็ตามไปและเป่าบ้านไม้พัง ลูกหมูทั้งสองตัวจึงวิ่งไปบ้านอิฐของน้องคนเล็ก ส่วนหมาป่าพยายามเป่าบ้านอิฐ แต่ก็ไม่สามารถทำลายมันได้ ลูกหมูทั้งสามจึงปลอดภัย หมาป่าผิดหวังและหนีไป ส่วนลูกหมูทั้งสามได้เรียนรู้ว่า การทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีความตั้งใจและพยายามให้ดีที่สุดนั้นดีที่สุด

ข้อคิดที่ได้จากนิทานอีสปเรื่องนี้ : ความเกียจคร้านอาจนำภัยมาสู่ตัว

5. สุนัขจิ้งจอกกับพวงองุ่น

วันหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกหิวโซเดินไปในป่าแล้วเห็นพวงองุ่นห้อยอยู่บนต้นสูง สุนัขจิ้งจอกมองเห็นองุ่นนั้นแล้วรู้สึกอยากกินมาก จึงกระโดดขึ้นไปเพื่อจะเก็บมัน แต่ยิ่งกระโดดเท่าไหร่ก็ยังไม่สามารถเอื้อมถึง พยายามหลายครั้งจนเริ่มเหนื่อย สุดท้ายมันก็ท้อใจและพูดว่า "องุ่นนั้นคงเปรี้ยวเกินไปสำหรับฉัน" แล้วเดินจากไป

ข้อคิดที่ได้จากนิทานอีสปเรื่องนี้ : เมื่อไม่สามารถได้สิ่งที่ต้องการ มักจะหาข้ออ้างเพื่อลดคุณค่าของสิ่งนั้น

6. มดกับตั๊กแตน

ในช่วงฤดูร้อน มดทำงานอย่างขยันขันแข็งเก็บอาหารสะสมไว้ในรังของมันเพื่อเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง ขณะที่ตั๊กแตนมัวแต่ร้องเพลงและเต้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดจะเตรียมอาหารเลย จนกระทั่งฤดูหนาวมาถึง ตั๊กแตนหิวและหนาวมาก จึงไปขออาหารจากมด แต่มดตอบว่า "ในฤดูร้อนคุณเลือกที่จะร้องเพลง ไม่คิดเก็บอาหาร ตอนนี้คุณต้องรับผลจากการไม่เตรียมตัว" ตั๊กแตนจึงต้องทนทุกข์ไปตามลำพัง

ข้อคิดที่ได้จากนิทานอีสปเรื่องนี้ : การเตรียมตัวและขยันทำงานในเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้เราผ่านพ้นความยากลำบากในอนาคตได้

7. สุนัขจิ้งจอกตกบ่อ

สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งพลัดตกลงไปในบ่อน้ำลึก มันพยายามดิ้นรนและตะเกียกตะกายขึ้นมาอยู่นาน จนกระทั่งหมาป่าตัวหนึ่งเดินผ่านมา สุนัขจิ้งจอกจึงตะโกนขอความช่วยเหลือ หมาป่าถามว่า “ทำไมถึงตกลงไปในบ่อแบบนี้? อยู่ในน้ำมานานหรือยัง? แล้วไม่มีใครผ่านมาเห็นเลยหรือ?” สุนัขจิ้งจอกตอบว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าก่อน แล้วข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียดทีหลัง”

ข้อคิดที่ได้จากนิทานอีสปเรื่องนี้ : การลงมือช่วยเหลือมักดีกว่าการพูดเพื่อแสดงความเห็นใจ

8. ราชสีห์ป่วยกับสุนัขจิ้งจอก

ราชสีห์ตัวหนึ่งที่ขี้เกียจออกไปล่าเหยื่อ วางแผนแกล้งทำเป็นป่วยและนอนซมอยู่ในถ้ำ เพื่อหลอกล่อให้สัตว์อื่นมาเยี่ยมเยียน และหวังจะจับพวกมันกินเป็นอาหารง่าย ๆ สัตว์ทั้งหลายรู้ข่าวจึงผลัดเปลี่ยนกันไปเยี่ยมราชสีห์ทุกวัน ด้วยความห่วงใย แต่หมาจิ้งจอกกลับไม่ไปเยี่ยมราชสีห์เลย

วันหนึ่ง ราชสีห์เห็นหมาจิ้งจอกเดินผ่านหน้าถ้ำ จึงตะโกนถามว่า "สัตว์ทุกตัวต่างก็มาเยี่ยมข้า ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าไปดูข้าบ้างล่ะ" หมาจิ้งจอกที่รู้ทันแผนของราชสีห์ ตะโกนตอบว่า "ข้าสังเกตเห็นรอยเท้าของสัตว์ที่เดินเข้าไปในถ้ำ แต่กลับไม่เห็นรอยเท้าของใครที่เดินออกมาสักตัวเลย" หมาจิ้งจอกพูดจบก็เดินจากไปอย่างไม่สนใจ

ข้อคิดที่ได้จากนิทานอีสปเรื่องนี้ : จงระวังผู้ที่ดูเหมือนต้องการความช่วยเหลือ เพราะบางครั้งอาจมีเจตนาร้ายแอบแฝง

9. ไก่ได้พลอย

เช้าวันหนึ่ง ขณะที่พ่อไก่กำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่บนลานดิน มันก็สะดุดเข้ากับวัตถุแวววาวเม็ดหนึ่งซ่อนอยู่ใต้ดิน พอมันเขี่ยออกมา ก็พบว่าเป็นพลอยเม็ดงามส่องประกายระยิบระยับ พ่อไก่จ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรำพึงกับตัวเองว่า

“เจ้าพลอยเม็ดนี้ดูสวยไม่น้อย ถ้าเป็นของช่างทอง คงมีค่าเหลือหลาย...แต่สำหรับข้าแล้ว ข้าวเพียงเม็ดเดียว ยังน่าดีใจกว่าเจ้านี่เสียอีก” เมื่อคิดได้เช่นนั้น พ่อไก่จึงละทิ้งพลอยไว้ แล้วเดินไปคุ้ยเขี่ยหาอาหารต่ออย่างไม่ไยดี

ข้อคิดที่ได้จากนิทานอีสปเรื่องนี้ : ของมีค่าก็ไร้ประโยชน์ หากตกอยู่กับผู้ที่ไม่รู้คุณค่า

10. อีกากับหงส์

ณ ริมบึงอันเงียบสงบ มีหงส์ขาวแสนงดงามตัวหนึ่งว่ายน้ำอยู่ทุกวัน ขนของมันสะอาดสวยสะดุดตา จนเป็นที่ชื่นชมของสัตว์ทั้งหลาย วันหนึ่งอีกาแถวนั้นซึ่งมีขนดำ เมื่อได้เห็นหงส์ก็เกิดอิจฉา มันคิดว่า “ถ้าข้าขนขาวอย่างมันบ้าง คงดูดีไม่แพ้กัน” มันจึงตัดสินใจไปอยู่ในบึงเดียวกับหงส์ หวังว่าเมื่อน้ำล้างตัวทุกวัน ขนของมันจะเปลี่ยนเป็นสีขาวได้

แต่ไม่ว่ามันจะอาบน้ำแค่ไหน ขนของมันก็ยังคงดำเหมือนเดิม แถมชีวิตในบึงก็ไม่เหมาะกับอีกา มันไม่มีอาหารที่มันชอบกิน ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว และไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มันจึงต้องกลับไปอยู่ที่เดิม

ข้อคิดที่ได้จากนิทานอีสปเรื่องนี้ : อย่าพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เหมือนคนอื่น โดยไม่เข้าใจธรรมชาติของตัวเอง

นิทานอีสป สาระและความสนุกที่ไม่ตกยุค

นิทานอีสปสั้น ๆ ที่มีต้นกำเนิดจากกรีกโบราณ ซึ่งมักใช้สัตว์เป็นตัวละครเพื่อสื่อสารแง่คิดและคติสอนใจ เรื่องราวเหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังแฝงข้อคิดที่มีคุณค่าเกี่ยวกับชีวิตและคุณธรรมต่าง ๆ แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 2,000 ปี นิทานอีสปก็ยังคงได้รับความนิยมและถูกสืบทอดต่อมา จนกลายเป็นนิทานสอนใจ และมรดกทางวรรณกรรมที่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ แต่ผู้ใหญ่ยังสามารถเรียนรู้และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้