หากใครที่อยากจะหนีมลพิษ มาพักปอด พักกาย ให้พื้นที่สีเขียวช่วยบำบัด ความอ่อนล้าจากการทำงาน ที่นี่ "โครงการป่าในกรุง" ถ.สุขาภิบาล 2 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ไม่มีเวลาหยุดพักไปหาธรรมชาติในต่างจังหวัด บนพื้นที่ 12 ไร่ ได้มีการส่งเสริมเป็นพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง ของกลุ่ม ปตท. "PTT Green in the City"
โดยแบ่งเป็นพื้นที่ป่า 75% น้ำ 10% พื้นที่ใช้งาน 15% ออกแบบให้อาคารที่มีความกลมกลืนกับพื้นที่ป่าและใช้นวัตกรรมอาคารเขียว เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกป่า และการปลูกป่าเชิงนิเวศแบบยั่งยืน ซึ่งในอนาคตป่านี้จะเติบโตและสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับพื้นที่ เป็นรูปแบบการศึกษาและเรียนรู้ป่าในเมือง เชื่อมโยงและสร้างความใกล้ชิดระหว่างคนกับป่า
โดยในพื้นที่มีการจัดสรรให้มีพันธุ์ไม้ตามลักษณะป่าชนิดต่างๆ เช่น ป่าดิบที่ลุ่ม ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าน้ำกร่อย ป่าชายเลน ป่ารอบน้ำตก/เขาหินปูน ซึ่งความหลากหลายของพันธุ์ไม้ที่ใช้ปลูกมีทั้งพันธุ์ไม้หายาก พันธุ์ไม้พื้นเดิมของกรุงเทพมหานคร และพันธุ์ไม้ป่าตามประเภทป่าชนิดต่างๆ มีจำนวนกว่า 200 ชนิด เช่น กรวยป่า กระเจียว ขันทองพยาบาท พระเจ้าห้าพระองค์ แคแสด จันทน์ชะมด ชุมแสง ชำมะเรียง เต็งรัง ตะเคียนทอง มะกอกน้ำ มะเม่า สะตือ นุ่น สมพง ยางนา เหียง ฉนวน จัน-อิน สมอไทย ทองพันช่าง เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีการบริหารจัดการระบบน้ำสำหรับใช้ในพื้นที่โครงการ โดยสัดส่วนพื้นที่ของน้ำ 10% (จำนวน 1.2 ไร่) เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝน และเกิดระบบนิเวศอย่างครบวงจรของสิ่งมีชีวิต
ภายในโครงการจะประกอบไปด้วยตัวตึกนวัตกรรมเขียว เป็นทีให้ข้อมูลและความรู้ในการปลูกป่าและจัดแสดงนิทรรศการ ถัดจากตัวอาคารมาจะเป็นลานที่นั่งพักผ่อนทำกิจกรรมกับครอบครัว ด้านซ้ายจะเป็นน้ำตกจำลอง ซึ่งปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้น้ำและไม้ยืนต้นนานาชนิด ติดกับน้ำตกจะเป็นทางเดินชมเรือนยอด (Skywalk) ระยะทาง 200 เมตร
เส้นทางดังกล่าวยังมุ่งไปสู่ หอชมป่า (Observation Tower) สูง 23 เมตร สำหรับชมป่าไม้ในระดับชั้นเรือนยอดของต้นไม้ โดยผู้เข้าชมจะได้เห็นพื้นของโครงการแบบ 360 องศารอบพี้นที่และในมุงของ Bird Eye View
สำหรับใครที่สนใจอยากจะหนีมาพักสายตา มาสัมผัสธรรมชาติที่ใกล้แค่เอื้อม สามารถไปชมได้ที่ โครงการป่าในกรุง ที่เปิดบริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. โดยสามารถติดต่อสอบถามรอบและรายละเอียดในการเข้าชม ได้ที่ โครงการป่าในกรุง โทร. 02-136-6380
PPTV Photo : สมศักดิ์ เนตรทอง