วิ่งหรือเดิน ดีกว่ากัน? คนน้ำหนักเยอะควรออกกำลังกายแบบไหน?

การวิ่งมีหลายรูปแบบ ทั้งเพื่อการแข่งขัน เพื่อการออกกำลังกาย และลดน้ำหนัก ซึ่งแน่นอนในทุกรูปแบบของการวิ่งเราจะได้เผาผลาญพลังงาน น้ำ กล้ามเนื้อ และไขมันออกไป โดยปริมาณการเผาผลาญนั้นจะมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับความเร็ว น้ำหนักตัวผู้วิ่ง เพศ อายุ และระยะทางที่วิ่งนั่นเองถึงการวิ่งจะดีงามมากประโยชน์ขนาดนี้ สำหรับคนที่มีปัญหารเรื่องสุขภาพ อย่างโรคหัวใจ มีปัญหาการหายใจ ปัญหาที่กระดูก ข้อต่อ หรือผู้มีน้ำหนักตัวมากๆ การเริ่มต้นวิ่งควรได้รับการแนะนำจากแพทย์หรือผู้มีประสบการณ์เสียก่อน

คนอ้วนเริ่มออกกำลังกายอย่างไรให้น้ำหนักลดอย่างสุขภาพดีไม่โทรม

ออกกำลังกายหนักเกินเสี่ยงกระดูกพัง! เผยวิธีป้องกันการบาดเจ็บ

สำหรับผู้เริ่มวิ่งใหม่ๆ ควรเริ่มวิ่งอย่างช้าๆ อาจเริ่มต้นด้วยการเดิน แล้วค่อยวิ่งเหยาะๆ เมื่อร่างกายฟิตขึ้นจึงค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการป้องกันอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ควรเริ่มด้วยการวิ่งแบบช้าๆทุกครั้ง

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการวิ่ง!

• ความเร็วกับการเผาผลาญพลังงาน

การเผาผลาญพลังงานที่ได้จากการวิ่งนั้น จะมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับความเร็วที่วิ่ง ระยะทาง และน้ำหนักตัวของผู้วิ่งด้วย คนที่มีน้ำหนักตัวมากจะใช้พลังงานมากกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวน้อย เพราะต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนไหวร่างกายที่ใหญ่กว่านั่นเอง

• เผาผลาญพลังงานและไขมันในขณะวิ่ง

อย่างที่บอกการเผาผลาญพลังงานของร่างกายไม่ได้ใช้การเผาผลาญพลังงานจากแป้งในกล้ามเนื้อ(ไกลโคเจน) หรือไขมันอย่างใดอย่างนึงเพียงอย่างเดียว แต่ร่างกายจะใช้พลังงานจากทั้งสองแหล่งในปริมาณที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและกิจกรรมการออกกำลังกาย ตอนเริ่มวิ่งร่างกายจะใช้พลังงานจากแป้งในกล้ามเนื้อ(ไกลโคเจน) เป็นพลังงานต้น จากนั้นเมื่อการหายใจเป็นปรกติและมีออกซิเจนเพียงพอ (การวิ่งแบบช้าๆจะหายใจได้เป็นปรกติหายใจได้เต็มที่) หรือที่เรียกว่า การออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน (Aerobic Exercise) ร่างกายจะค่อยๆใช้พลังงานจากไขมันในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งกลไกนี้อาจใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที

• วิ่งช้าหรือเร็วอันไหนได้ผลมากกว่า

หากต้องการลดไขมันในร่างกายก็ควรวิ่งช้าๆ เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญเอาไขมันมาใช้ได้มากกว่า (แต่ต้องใช้เวลาให้มากพอ) กลับกันค่ะ หากมองถึงเรื่องกล้ามเนื้อและความฟิตของร่างกาย การวิ่งเร็วๆก็จะตอบโจทย์ได้มากกว่า

ฉะนั้นการฝึกแบบ ช้าสลับเร็ว (Interval training) เพื่อให้ร่างกายได้ทั้งการเผาผลาญไขมัน และเพิ่มความฟิตของร่างกายพร้อมกันได้

สำคัญที่สุดไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ขอให้วิ่งสิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้ คือการทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ทำอย่างน้อย 40 นาที 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ และหมั่นปรับแผนการวิ่งทุกๆ 4 สัปดาห์ โดยเพิ่มที่ความหนัก เพิ่มความถี่ หรือเพิ่มระยะเวลา ตามความแข็งแรงของร่างกายที่เพิ่มขึ้นหรือเลือก

ออกกำลังกายช่วงเช้า หรือ ช่วงเย็น มีประสิทธิภาพกว่ากัน?

ผู้มีน้ำหนักเยอะควรวิ่งหรือเดินดีกว่ากัน ?

สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมากแนะนำการเดิน เพราะมีแรงกระแทกต่ำ แต่มีแรงกด ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง แตกต่างกับการวิ่ง โดยองค์การอนามัยโลก แนะนำไว้ว่า ควรเดิน ประมาณ วันละ 1 ชม 40 นาที โดยการเฉลี่ยเวลาทั้งวัน แบ่งเป็นช่วง ๆ ได้ เช่น เช้า และ เย็น เทียบเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร/วัน แต่ถ้าเราเดินเร็ว ระยะทางจะใช้แค่ 3.5 กิโลเมตร

ขอบคุณข้อมูลจาก : สสส. และ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง

เทคนิคเริ่มต้นมือใหม่หัดออกกำลังกาย ปลุกไฟให้สุขภาพดีรับปีใหม่!

5 กายบริหารทำได้ทุกเช้า! ช่วยกระตุ้นลำไส้ ลดท้องอืด ท้องเฟ้อ แถมลดพุง!