ก่อนวางแผนแต่งงานอย่าลืมตรวจสุขภาพ! ป้องกันส่งต่อโรคร้ายสู่ลูก!
ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน เป็นการเช็กความพร้อมและความสมบูรณ์ของร่างกาย รวมถึงค้นหาความบกพร่องทางพันธุกรรม เพื่อที่จะได้วางแผนการรักษาและหาแนวทางป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับบุตรได้ถูกทาง
ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน ไม่ควรมองข้าม เพราะการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญสำหรับคู่รัก เพื่อเช็กความพร้อมและความสมบูรณ์ของร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับการมีลูก เพราะหากสุขภาพไม่แข็งแรง หรือมีความบกพร่องทางพันธุกรรม จะได้วางแผนการรักษา หรือหาแนวทางป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับบุตรได้ถูกที่ถูกทาง ไม่ให้พ่อแม่ต้องส่งต่อพันธุกรรม ยีนที่เป็นพาหะของโรคโรคอันตรายให้กับลูก
Safe SEX ปลอดภัย เผยข้อแตกต่างหนองในแท้-เทียมกลุ่มเสี่ยงต้องระวัง!
เรื่องบนเตียงเสี่ยงน้อยแต่ติดเชื้อ HPV ได้ เผย Safe SEX ปลอดมะเร็ง-โรคติดต่อ

หากพบก็จะได้ให้คำปรึกษาก่อนตัดสินใจแต่งงานหรือก่อนมีบุตร หรือหากพบว่าเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนก็จะได้ทำการฉีดวัคซีนก่อน เช่น โรคไวรัสตับอักเสบ โรคหัดเยอรมัน เป็นต้น ส่วนในกรณีที่พบว่ามียีนผิดปกติที่ไม่สามารถป้องกันได้ หรือโอกาสที่ลูกจะเกิดมามีภาวะผิดปกติมีมาก
แพทย์อาจจะแนะนำให้แต่งงานกันได้โดยไม่ต้องมีบุตร
โรคอะไรสามารถแพร่ไปสู่ลูกและคนที่รักได้บ้าง?
- โรคเอดส์ ที่เกิดจากการติดเชื้อ HIV หากพบว่ามีการติดเชื้อ จะได้ป้องกันการติดต่อ หรือรีบรักษาเพื่อลดอัตราการเกิดอาการแทรกซ้อน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส (Syphilis)
- ไวรัสตับอักเสบ บี เพราะอาจแพร่เชื้อไปยังคู่สมรส หรือลูกน้อยในครรภ์ จะได้ปรับพฤติกรรมเตรียมความพร้อม หรือรับวัคซีนป้องกัน
- โรคโลหิตจาง หรือธาลัสซีเมีย เพื่อวางแผนสำหรับการมีบุตรในเวลาที่เหมาะสม
- หัดเยอรมัน ลูกน้อยสามารถติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ และมีโอกาสสูงมากที่จะคลอดออกมาพร้อมความผิดปกติ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการรับวัคซีน เพื่อการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยทั้งกับคุณแม่และลูกน้อยลูกน้อย
“ตับอักเสบบี” อันตรายจากเพศสัมพันธ์อันตราย เสี่ยงมะเร็งตับลุกลาม!
ก่อนแต่งงานควรตรวจอะไรบ้าง?
- ตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (CBC) เพื่อค้นหาว่ามีโรคที่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ หากพบว่ามีความผิดปกติที่อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ ก็จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิดเมื่อวางแผนตั้งครรภ์
- ตรวจหมู่เลือด เพื่อให้ทราบกรุ๊ปเลือดของตนเองและคู่สมรส หากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องการเลือด จะได้จัดกรุ๊ปเลือดได้ทันท่วงที
- ตรวจหมู่เลือด เพื่อดูชนิดเลือดของคุณฝ่ายหญิง ว่ามีค่า Rh Factor เป็น Rh+ หรือ Rh- เนื่องจากมีผลต่อความเสี่ยงในการแท้งลูก หรือมีปัญหาต่อลูกในครรภ์และตัวคุณแม่เองได้
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันและเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หากพบว่ามีเชื้อ แสดงว่าสามารถแพร่เชื้อผ่านทางเลือดและการมีเพศสัมพันธ์ได้ และอาจทำให้ลูกน้อยในครรภ์มีโอกาสติดเชื้อได้ด้วย ซึ่งหากพบการติดเชื้อก็สามารถให้คู่สมรสรับวัคซีนป้องกันไว้ก่อนได้ และระมัดระวังวางแผนการตั้งครรภ์ให้เหมาะสม
- ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง เป็นการตรวจหาความผิดปกติของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงที่เป็นสาเหตุของโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมถึงลูกได้ รวมถึงโรคที่รุนแรงที่อาจทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ และเป็นอันตรายกับมารดาได้หากไม่ทราบก่อน
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน เป็นการตรวจภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันเฉพาะในผู้หญิง เนื่องจากหากไม่มีภูมิคุ้มกัน และเกิดติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกมีความผิดปกติ เช่น หูหนวก ตาผิดปกติ การเจริญเติบโตและพัฒนาการผิดปกติ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากพบว่ายังไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรฉีดวัคซีนหัดเยอรมัน และคุมกำเนิดไว้อย่างน้อย 3 เดือนก่อน จึงค่อยเริ่มปล่อยให้ตั้งครรภ์ได้
- ตรวจหาเชื้อซิฟิลิส VDRL ซึ่งสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งควรรักษาให้หายดีก่อน
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสเอดส์ เป็นการตรวจภูมิคุ้มกันของร่างกายที่สร้างขึ้นมาเมื่อมีเชื้อ HIV เข้าสู่ร่างกาย หากพบเชื้อจะได้หาทางรักษาและป้องกันได้ทันท่วงที เช่น การใช้ถุงยางอนามัย หรือการรับประทานยาป้องกันโรคชนิด PrEP เพื่อป้องกันการติดเชื้อไปสู่คู่รักหรือลูกในครรภ์ได้ รวมถึงการวางแผนมีบุตรโดยวิธีที่เสี่ยงกับคู่สมรสและกับบุตรให้น้อยที่สุด
นอกจากนี้ อาจทำการตรวจภายในเพิ่มเติมในฝ่ายหญิง เช่น ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก อัลตร้าซาวด์มดลูก รังไข่ ช่องท้อง ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ก็มีส่วนช่วยในการวางแผนอนาคตสำหรับคู่รักที่ต้องการสร้างครอบครัวได้ ทั้งยังช่วยสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจสำหรับการมีลูกน้อยในวันข้างหน้าด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล
วิธีบอกรักใจดีกับตนเอง ก้าวข้ามความเจ็บปวดปลดล็อกชีวิต!
วิธีกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้อง ป้องกันการพลาดตั้งครรภ์ ลดผลข้างเคียง!