“ติ่งเนื้อ” พัฒนามะเร็งลำไส้ได้ เผยระยะมะเร็งอาจเสียชีวิตได้ใน 1-2 ปี
“ติ่งเนื้อ” หลายคนคงนึกถึงส่วนเกินที่ไม่มีอันตรายใดๆ แต่หากติ่งเนื้อนี้เกิดขึ้นภายในร่างกายอย่างลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นมะเร็งได้ในอนาคต!
ติ่งเนื้อ “Polyp” เป็นติ่งเนื้อเล็กๆที่เกิดขึ้นภายในลำไส้ใหญ่ เกิดจากการเจริญเติบโตของก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังลำไส้ใหญ่ โดยก้อนเนื้อจะถูกกระตุ้นด้วยสารพิษที่อยู่ในอาหารโดยเฉพาะอาหารมัน ซึ่งมักจะเป็นผลมาจากการสะสมเป็นเวลานาน ประกอบกับมีความผิดปกติที่ยีน หรือสารพันธุกรรมจนเกิดการแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้ใหญ่ แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดมีก้าน (Pedunculated type) และชนิดไม่มีก้าน (Sessile type)
ความเสี่ยง “ไขมันสะสม” อันตรายต่อตับ-ค่าไขมันในเลือด บั่นทอนสุขภาพ!
“มะเร็งลำไส้ใหญ่” สัญญาณคล้ายโรคทั่วไป แต่ห้ามละเลยเสี่ยงลุกลามรุนแรง

ต่อมาเนื้องอกเล็กๆ นี้จะเกิดการกลายพันธุ์และแบ่งตัวหลายๆ ครั้งขึ้นจนมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งยิ่งมีขนาดใหญ่โอกาสเป็นมะเร็งก็มีสูงขึ้น โดยติ่งเนื้อชนิดมีก้านขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร จะใช้เวลาประมาณ 10 ปี ก่อนที่จะพัฒนากลายเป็นมะเร็ง ดังนั้นถ้าสามารถตรวจพบติ่งเนื้อก่อนตั้งแต่ขนาดเล็ก และตัดออกให้หมดก็จะสามารถตัดวงจรการกลายเป็นมะเร็งได้
อาการเตือนมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ไม่มีอาการแสดง
- มีอาการเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่าย ท้องเสียสลับท้องผูก อุจจาระลำเล็กลง
- เลือดออกทางทวารหนักหรือปนมากับอุจจาระ
- อึดอัดแน่นท้อง ปวดท้อง ท้องอืด มีการเกร็ง คล้ายเป็นตะคริวในท้อง
- มีอาการจากลำไส้อุดตัน เช่น มีไข้ ไม่ถ่าย ไม่ผายลม ท้องอืด
- ซีด โลหิตจาง โดยไม่ทราบสาเหตุ
- เบื่ออาหาร อ่อนเพลียอย่างผิดปกติ
- น้ำหนักลดทั้งที่ไม่ได้จำกัดอาหาร
- คลำพบก้อนบริเวณท้อง
การรักษาตามระยะของโรค
- ระยะที่ 0 เซลล์มะเร็งยังคงเป็นติ่งเนื้อ ตรวจพบได้จากการส่องกล้อง (Colonoscopy) สามารถตัดออกผ่านทางกล้องได้ตั้งแต่ก่อนการเป็นมะเร็งหรือเกือบเป็นมะเร็ง มีโอกาสหาย 100%
- ระยะที่ 1 เซลล์มะเร็งเติบโตขึ้นและฝังในชั้นผนังของลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โดยยังไม่กระจายไปสู่เนื้อเยื้อข้างเคียงหรือต่อมน้ำเหลือง ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด โดยเทคนิคที่เรียกว่า Curative resection (การผ่าตัดเพื่อหวังผลหายขาด) เป็นการตัดลำไส้ใหญ่ 10-15 ซม. และเลาะต่อมน้ำเหลืองอย่างน้อย 12 ต่อม แล้วจึงนำลำไส้ใหญ่ส่วนที่ดีมาต่อกัน สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนในอุ้งเชิงกรานใกล้ๆ ทวารหนักนั้น เทคนิคการผ่าตัดสมัยใหม่จะสามารถเก็บหูรูดทวารหนักไว้ได้ซึ่งมีโอกาสหาย 95%
- ระยะที่ 2 เซลล์มะเร็งแพร่กระจายผ่านผนังลำไส้ใหญ่ หรือทวารหนักไปสู่เนื้อเยื้อใกล้เคียงแต่ยังไม่กระจายถึงต่อมน้ำเหลือง จะใช้การผ่าตัดแบบ Curative resection (การผ่าตัดเพื่อหวังผลหายขาด) เป็นการรักษาหลัก เช่นเดียวกับระยะที่ 1 ซึ่งมีโอกาสหายขาด 80%
- ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง1-3 ต่อมหรือมากกว่านั้น แต่ยังไม่ลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงอื่นๆ จะใช้การผ่าตัดแบบ Curative resection เป็นการผ่าตัดหลัก เช่นเดียวกับระยะที่ 1, 2 ซึ่งมีโอกาสหายขาด 60% แต่สามารถเพิ่มอัตราการหายได้ โดยการรักษาเสริมด้วยการใช้เคมีบำบัด ภายหลังการผ่าตัด ซึ่งมีทั้งชนิดรับประทานหรือชนิดฉีด
- ระยะที่ 4 มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ตับ ปอด ถ้าไม่สามารถผ่าตัดเอาออกให้หมดได้จะมีชีวิตอยู่เพียง 1-2 ปี เท่านั้น
ตำแหน่งปวดท้อง บอกโรคเบื้องต้นได้ เผย อาการแบบไหนควรรีบพบแพทย์
ตรวจหาติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ทำอย่างไร?
- การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) : เป็นการส่องกล้องทางทวารหนัก เพื่อดูความผิดปกติภายในลำไส้ใหญ่ หากพบติ่งเนื้อที่น่าสงสัยก็สามารถตัดติ่งเนื้อออกมาเพื่อตรวจผลทางพยาธิวิทยาได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการตรวจหาติ่งเนื้อ
- การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT Colonography) : เป็นการตรวจที่เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่มีประวัติใดๆ แต่มีความต้องการที่จะตรวจคัดกรองโรค โดยการตรวจด้วยวิธีนี้จะเห็นทั้งภายในและภายนอกลำไส้ รวมทั้งอวัยวะในช่องท้องทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องส่องกล้องผ่านทางทวารหนัก แต่จะใช้การเป่าลมเข้าไปทางทวารหนักแทน
การเตรียมตัวส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาระบายชนิดพิเศษ และปรับชนิดของอาหาร โดยแนะนำให้รับประทานอาหารประเภทเหลวใส หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทผัก หรือผลไม้ อย่างน้อย 1 วัน เพื่อช่วยล้างลำไส้ให้สะอาด และเพิ่มความแม่นยำในการตรวจ
การป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ดีที่สุด
- การตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นประจำสม่ำเสมอ ด้วยวิธีการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
- การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT Colonography)
- ควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหารชนิดต่างๆ เพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุลและปลอดภัยจากโรคร้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการและโรงพยาบาลพญาไท 2
พฤติกรรมเสี่ยงมะเร็งลำไส้ ทำไมคนยุคใหม่ถึงเสี่ยงมากกว่า?
“ท้องเสีย” ระดับที่ต้องระวังอาจเป็นสัญญาณบอกโรคบางอย่างได้!