ทดสอบสมรรถภาพ "ปอด" ช่วยตรวจหาความผิดปกติในกลุ่มเสี่ยง
ทำความรู้จักการทดสอบสมรรถภาพปอด ช่วยตรวจหาความผิดปกติของระบบหายใจ ประเมินความรุนแรงของโรคปอดที่เป็นอยู่
การทดสอบสมรรถภาพปอดเป็นการตรวจคุณสมบัติในเชิงสรีระวิทยาด้านต่าง ๆ ของระบบหายใจ เช่น อัตราการระบายอากาศที่หายใจเข้าออก ปริมาตรปอด ความยืดหยุ่นของปอด การแลกเปลี่ยนก๊าซ แรงและความทนของกล้ามเนื้อหายใจ การควบคุมการหายใจ ใช้ค้นหาความผิดปกติของปอด โดยการวัดปริมาตรของลมหายใจเข้า – ออก ใช้การแทนที่ของลมเข้าไปในเครื่องผ่านตัวจับความเปลี่ยนแปลง (Sensor) เทียบกับค่าเฉลี่ยของคนปกติ
ใครบ้างตรวจหา "โรคปอด" ระยะแรก รู้ทัน รักษาไว เพิ่มโอกาสหายขาด
ฝึกหายใจฟื้นฟู "ปอด" หลังหายป่วยจากโควิด-19
ซึ่งผลการทดสอบที่ได้สามารถบอกถึงการทำงานของปอด ความรุนแรงของพยาธิสภาพ ซึ่งส่งผลให้เกิดสมรรถภาพปอดลดลง โดยพิจารณาร่วมกับประวัติความเจ็บป่วย อาการ การตรวจร่างกายและสิ่งแวดล้อมและสารสัมผัสต่าง ๆ
ความสำคัญของการทดสอบสมรรถภาพปอด
- ตรวจหาความผิดปกติของระบบหายใจในกลุ่มเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ มีประวัติครอบครัวเป็นโรคปอด มีประวัติความเจ็บป่วยและอาการแสดงของโรคปอดหรือมีความผิดปกติของเอกซเรย์ปอด ผลการวิเคราะห์ก๊าซในเลือดแดงผิดปกติ
- ประเมินความรุนแรงของโรคปอดที่เป็นอยู่
- เฝ้าติดตามการดำเนินของโรค
- ประเมินการตอบสนองต่อยาที่ใช้รักษา
- ประเมินความเสี่ยงก่อนการผ่าตัด
- ประเมินผลกระทบของอาชีพและสิ่งแวดล้อมต่อสมรรถภาพปอด
- ประเมินสมรรถภาพปอดและความผิดปกติ
ปอดอักเสบ โรคร้ายแรงที่คุณสามารถป้องกันได้!
โรค "มะเร็งปอด" มัจจุราชเงียบ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้
รูปแบบการทดสอบสมรรถภาพปอด
1.สไปโรเมตรีย์ (Spirometry) การตรวจสมรรถภาพปอดโดยวิธีการวัดปริมาตรและอัตราการไหลของลมที่หายใจผ่านเข้า – ออกจากปอด
2.การวัดการตอบสนองต่อยาพ่นขยายหลอดลม (Measurement of Pre and Post Bronchodilator Spirometry)
การตรวจสไปโรเมตรีย์ก่อนและหลังพ่นยาขยายหลอดลม เพื่อเปรียบเทียบปริมาตรและอัตราการระบายลมที่หายใจเข้าออกจากปอดที่เกิดขึ้นก่อนและหลังการให้ยาพ่นขยายหลอดลม ทั้งนี้สามารถใช้ในการติดตามผลการรักษาและช่วยวินิจฉัยได้ในบางกรณี เช่น ประเมินความรุนแรงของหอบหืด ใช้ช่วยวินิจฉัยโรคหอบหืดที่มีอาการ แต่ตรวจร่างกายไม่พบความผิดปกติ
3.การวัดปริมาตรและความจุปอด (Measurement of Lung Volumes and Capacities)
การวัดปริมาตรของลมหายใจหรือปริมาตรอากาศในปอดสัมพันธ์กับการระบายลมหายใจที่ระดับการหายใจต่าง ๆ ของปอด ตั้งแต่การหายใจตามปกติ การหายใจออกเต็มที่ และการสูดลมหายใจเข้าเต็มที่ ทั้งนี้มีโรคและภาวะหลายประการที่ทำให้ปริมาตรปอดเล็กผิดปกติ โดยอาจเกิดจากโรคภายในเนื้อปอดเอง ทำให้เนื้อปอดยืดตัวได้น้อยลง ภาวะน้ำในช่องปอดหรือหัวใจทำให้กดเบียดการขยายของปอด มีโรคของผนังทรวงอกที่ทำให้การขยายของปอดถูกจำกัดหรือมีกล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง ทำให้ไม่มีแรงสูดหรือแรงขับอากาศเต็มที่
4.การวัดความสามารถซึมซ่านของก๊าซ (Diffusing Capacity)
ค่าที่บอกความสามารถของก๊าซในการซึมผ่านผนังถุงลมและเส้นเลือดฝอยรอบถุงลมแล้วไหลเข้าสู่เลือดที่ไหลเวียนมาฟอกที่ปอด ทั้งนี้ปัจจัยที่กำหนดอัตราการซึมซ่านของก๊าซขึ้นกับแรงดันของก๊าซในถุงลม พื้นที่ที่มีการแลกเปลี่ยนก๊าซ ความหนาของผนังถุงลมและเส้นเลือดฝอย ปริมาณฮีโมโกลบินและการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณที่มีการแลกเปลี่ยนก๊าซ ซึ่งการตรวจนี้จะช่วยในการวินิจฉัยกลุ่มโรคของเนื้อเยื่อปอด ถุงลมโป่งพอง โรคหลอดเลือดปอดอุดกั้น ใช้ในการติดตามการรักษาการดำเนินของโรคในผู้ป่วยด้วยโรคเนื้อเยื่อปอดและประเมินความสูญเสียของสมรรถภาพปอดในกลุ่มโรคเนื้อเยื่อปอดที่ต้องติดตามเฝ้าระวัง
อาหาร 10 ชนิดหาทานง่าย ช่วยบำรุง "ปอด" แกร่งสู้ไวรัส
แนะวิธีรับมือ เมื่อไวรัส "โควิด-19" ลงปอด
5.การทำ Bronchoprovocation หรือ Methacholine Challenge Test (MCT.)
การทดสอบเพื่อประเมินว่าหลอดลมมีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นหลอดลมที่ไวกว่าปกติหรือไม่ ช่วยในการวินิจฉัยภาวะที่มีหลอดลมไวผิดปกติ เช่น โรคหอบหืด มีประโยชน์อย่างมากกรณีที่มีอาการที่เข้าได้กับโรค แต่ตรวจร่างกายและตรวจสไปโรเมตรีย์แล้วไม่พบความผิดปกติ
6.การวัดแรงต้านในหลอดลม (Airway Resistance, Raw)
การวัดความดันที่เกิดขึ้นในหลอดลมจากการไหลเข้าหรือออกของหลอดลมในการหายใจ 1 ครั้ง โดยแรงต้านในหลอดลมจะมีการเปลี่ยนแปลงไปขึ้นกับสิ่งต่าง ๆ ได้แก่ ขนาดของหลอดลมทั้งเส้นผ่าศูนย์กลางและความยาว พื้นที่โดยรวมของหลอดลม ลักษณะการไหลของลม เช่นไหลวน เกิดสิ่งกีดขวางในทางเดินลม ความจุปอด โดยปอดที่มีความจุโตหรือเต็มจะมีแรงต้านน้อยกว่าปอดที่เล็ก ซึ่งมีประโยชน์ในการวินิจฉัยโรคหลอดลมอุดกั้น เช่นโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบและอุดกั้นเรื้อรัง
แนะวิธีรักษาฟื้นฟูร่างกาย เมื่อมีอาการ "ลองโควิด" (Long COVID)
หลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง โรคที่เกิดจากบุหรี่ตัวร้ายและมลพิษ
7.แรงดันสูงสุดขณะหายใจเข้าและออกเต็มที (Pi-Max และ Pe-Max)
แรงสูงสุดของกล้ามเนื้อหายใจที่สามารถกระทำได้ในขณะหายใจเข้าหรือหายใจออกแต่ละครั้งว่าสามารถออกแรงได้สูงสุดเพียงใด
8.ลมหายใจเข้าออกมากที่สุด (MVV)
การทดสอบความทนของกล้ามเนื้อหายใจเพื่อประเมินสมรรถภาพของกล้ามเนื้อหายใจว่าสามารถหายใจเข้าออกต่อเนื่องได้เท่าใดใน 12 วินาที ทั้งนี้ค่าที่ได้จะเชื่อมโยงถึงแรงและการประสานงานของกล้ามเนื้อหายใจ และคุณสมบัติเชิงกลของระบบหายใจโดยรวมของผู้ป่วย
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพ โรงพยาบาลกรุงเทพ
"โควิดไทย" แนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ศบค.เลิกนับผู้ป่วยไม่มีอาการ ลดวันแถลง
โควิดวันนี้ (3 มิ.ย.65) ติดเชื้อเฉียด 3 พันราย ปอดอักเสบลดลง