‘น้ำเปล่า’ประโยชน์คับแก้ว แต่หากดื่มเกินลิมิตเสี่ยง“ภาวะน้ำเป็นพิษ” ถึงขั้นเสียชีวิต
ไม่ว่าของกินเครื่องดื่มจะอะไรบนโลกใบนี้ มากไปหรือน้อยไปก็ไม่ดีทั้งสิ้น แม้แต่น้ำเปล่า เครื่องดื่มที่ดีที่สุด เพราะหากดื่มมากเกิดไปอาจเสี่ยงภาวะน้ำเป็นพิษที่อันตรายถึงชีวิตได้
น้ำเปล่าถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในแต่ละวัน ซึ่งถือเป็นน้ำที่ดีที่สุดในบรรดาเครื่องดื่มแก้กระหายและสมควรกินตามที่ร่างกายต้องการไม่มากไม่น้อยเกินไป เพราะถ้าหากดื่มมากเกิดไปอาจเจอกับ"ภาวะน้ำเป็นพิษ"ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว แล้วต้องดื่มแค่ไหนละถึงจะเหมาะสม ? และอย่างที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 70 %
การดื่มน้ำถึงเป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งระบบ
- ระบบประสาท ช่วยใหเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงร่างกาย การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้คลายเครียด ลดอาการปวดศีรษะได้
“น้ำอัดลม” ดื่มเกิดลิมิตเสี่ยงโรครุมเร้า ร่างพัง อัตราหัวใจล้มเหลวเพิ่ม 23%
มื้อเช้ายอดฮิต “ปาท่องโก๋” กินได้แต่พอดี ไขมันไม่จุกอก หุ่นไม่พัง
- ดูแลผิว ไม่เหี่ยวย่นง่าย เพราะน้ำจะคอยดูแลเซลล์ให้ลอยอยู่บนน้ำ และช่วยให้เกิดการไหลเวียนของเลือดในร่างกายได้ดีขึ้น
- ช่วยล้างสารพิษ ดีต่อระบบขับถ่าย เพราะน้ำจะนำพาของเสียให้ออกจากร่างกายได้อย่างง่ายดาย ทั้งทางอุจจาระ ปัสสาวะ และรูขุมขน
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ป้องกันอาการเลือดข้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดได้
- ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ เช่น ช่วยเรื่องการหล่อลื่นในระบบ ทางเดินอาหาร เชื่อมเซลล์ และหล่อลื่นข้อต่อต่างๆ ช่วยลำเลียงสารอาหารที่มีประโยชน์ไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย
- ส่งเสริมการทำงานของไต ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่วเจือจางเกลือที่กินเข้าไปไปจากอาหารที่เป็นต้นเหตุ
- ช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ เป็นตัวการช่วยกระบวนการเผาผลาญอาหาร และไขมันในร่างกาย
- ช่วยควบคุมอุณหภูมิ โดยที่น้ำจะระบายความร้อนที่เป็นส่วนเกินออกจากร่างกายในรูปแบบเหงื่อที่ระเหยจากผิวหนัง เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่
- ลดความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็ง เพราะน้ำมีส่วนช่วยในการลำเลียงสารอาหาร กำจัดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ผู้ที่อายุ 4-8 ปี 5 แก้วต่อวัน
- ผู้ที่อายุ 9-13 ปี 7-8 แก้วต่อวัน
- ผู้ที่อายุ 14-18 ปี 8-11 แก้วต่อวัน
- ผู้หญิงที่อายุ 19 ปีขึ้นไป 9 แก้วต่อวัน
- ผู้ชายที่อายุ 19 ปีขึ้นไป 13 แก้วต่อวัน
โดยกรมอนามัย ได้ระบุเอาไว้ว่า ภาวะน้ำเกินหรือภาวะน้ำเป็นพิษ (water intoxication) เนื่องจากน้ำจะเจือจางแร่ธาตุโซเดียมให้มีความเข้มข้นลดลง ทำให้สมดุลน้ำภายในเซลล์เสียหาย เกิดการบวมน้ำหรือคั่ง เกิดภาวะที่ทางการแพทย์เรียกว่า ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ หรือไฮโปแนทรีเมีย (Hyponatremia)
- ปวดศีรษะ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- มึนงง ความคิดสับสน
- ตัวบวม
- เป็นตระคริว
- ตระตุกหรือชัก จากสมองบวม ปอดบวม
- ผลกระทบต่อเซลล์สมองอันตายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะน้ำเป็นพิษ เนื่องจากพวกเขาอาจคิดว่า พวกเขาต้องการน้ำมากกว่าที่กำลังบริโภคอยู่ อาจจะเนื่องจากมีการใช้ยา หรือสภาพจิตใจ
ประโยชน์'ผักชี' ผักที่เป็นกระแสในญี่ปุ่น ตั้งแต่ใบยันราก ช่วยปรับสมดุลร่างกาย
ซึ่งมีกรณีตัวอย่างจากกรณี เมื่อปี 2556 ข่าวเด็กชายฝาแฝดอายุ 16 เข้าร่วมพิธีกินเจที่บ้านญาติ จ.สงขลา และดื่มน้ำวันละ 18 ลิตรเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจออกจากร่าง จนเกิดอาการชักเกร็งหมดสติ โดยแฝดน้องเสียชีวิต ผลชันสูตรของแพทย์นิติเวช พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากน้ำท่วมปอด หัวใจล้มเหลว และสมองบวม ส่วนแฝดพี่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาลซึ่งเป็นผลมาจากภาวะน้ำเป็นพิษด้วยอย่างไรก็ตาม น้ำยังสำคัญกับร่างกายจึงต้องดื่มให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเฉลี่ยวันละ 8-10 แก้ว หรือคนละ 1.5-2 ต่อวัน หรือดื่มเพิ่มตามน้ำหนักตัว,อากาศที่เปลี่ยนแปลง,ป่วย,มีไข้หรือมีปัญหาสุขภาพ เช่น ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะหากกำลังตั้งครรภ์ให้นมบุตรด้วยและแนะนำว่า ไม่ควรดื่มน้ำพรวดในคราวเดียว แต่ควรจิบบ่อยๆ ตลอดวัน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการปรึกษาจากแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาสมดุลต่อร่างกาย
ยิ่งเช้าๆ ตื่นมาดื่มน้ำเปล่าก่อนเลย 1 แก้ว ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของวันทีเดียวค่ะ
ข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล,กรมอนามัย,pobpad
“เสาวรส” กินแต่พอดีช่วยแก้ปัญหาลำไส้-ลดอาการซึมเศร้า
ดีต่อใจ! ชาใบหม่อน เครื่องดื่มรับลมหนาว ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด