เกลือโพแทสเซียม ทางเลือกสุขภาพช่วยลดโซเดียมได้ ประโยชน์-ข้อควรระวัง!
เกลือโพแทสเซียม หนึ่งในผลิตภัณฑ์อาหารช่วยเรื่องสุขภาพในการลดโซเดียมแต่ให้ความเค็มที่เหมือนกัน ข้อดีและข้อควรระวังโดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะไตวาย!
ผลิตภัณฑ์อาหารลดโซเดียม (Reduced Sodium) หรือโซเดียมต่ำ (Low Sodium) นับเป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อทดแทนความเค็มที่ลดลงจากการลดปริมาณของเกลือปกติ เพื่อผลลัพธ์ในการลดภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยที่นำไปสู่การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเกลือโพแทสเซียมนับเป็นทางออกหนึ่งของเรื่องดังกล่าว แต่ในการใช้อาจต้องคำนึงถึงโรคบางอย่าง โดยเฉพาะผู้มีภาวะไตวายที่ควรระวัง
เทคนิคลดโพแทสเซียม ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง และอาหารที่ควรกินอย่างพอดี
“มันฝรั่ง” ผักโพแทสเซียมสูง ที่ควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วย “โรคไตเรื้อรัง”

เกลือโพแทสเซียม หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า โพแทสเซียมคลอไรด์ (Potassium chloride: KCl) เป็นเกลือที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติคล้ายกับเกลือจากโซเดียม(Sodium chloride: NaCl) ที่เราใช้ตามปกติตามครัวเรือน ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อทดแทนความเค็มที่ลดลงจากการลดปริมาณของเกลือปกติ และสามารถให้ความเค็มแก่อาหารได้ อีกทั้งยังเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายเช่นเดียวกับโซเดียม
ทำไมต้องเลือกเกลือโพแทสเซียม
แนวคิดการนำเกลือโพแทสเซียมมาใส่ในอาหารจึงเกิดขึ้น เพื่อลดการใช้เกลือปกติและลดปริมาณโซเดียมที่ผู้บริโภคได้รับจากผลิตภัณฑ์อาหาร และที่ต้องใช้เกลือชนิดนี้ก็ด้วย สองเหตุผล คือ
- คนส่วนใหญ่ได้รับโพแทสเซียมอยู่ที่ประมาณ 77% - 95% ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ WHO แนะนำต่อวัน แต่ได้โซเดียมมากถึงสองเท่าของปริมาณที่ WHO แนะนำ (ปริมาณที่แนะนำคือ ไม่เกิน 2000 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่าเกลือแกง 5 กรัม หรือ 1 ชช.) และจากการสำรวจการบริโภคโซเดียมคลอไรด์ของประชากรไทย โดยกรมอนามัย ปี พ.ศ. 2550 พบว่า ประชากรไทยได้รับโซเดียมจากอาหารที่บริโภคสูงถึง 4,351.7 มิลลิกรัมต่อวัน
วิจัยพบว่า เกลือโพแทสเซียมช่วยลดระดับความดันโลหิตในผู้ใหญ่ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง โดยไม่มีผลข้างเคียงใดใดต่อระดับไขมันในเลือด ระบบการทำงานของไต และการหลั่งฮอร์โมนของต่อมหมวกไต แต่ในคนสุขภาพดีการใช้เกลือโพแทสเซียมแทนเกลือไม่เห็นประโยชน์ที่ชัดเจนมากนัก
อาหารโซเดียมสูงเพิ่ม “อาการบวมน้ำ” กินเยอะเสี่ยงโรคไต ความดันสูง
ข้อควรระวังเกลือโพแทสเซียม
เกลือโพแทสเซียม แม้จะมีประโยชน์ช่วยลดโซเดียมได้ และได้รับการอนุญาตให้ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารได้ แต่ก็มีข้อพึงระวังและงดใช้ในกลุ่มคนที่มีภาวะไตวาย (ภาวะที่ไตขับของเสียและแร่ธาตุส่วนเกินได้น้อยลง) เพราะอาจทำให้มีการคั่งของโพแทสเซียมในร่างกายได้ หรือในผู้ป่วยโรคหัวใจที่ต้องกินยารัษาโรคหัวใจ ถ้ามีปริมาณโพแทสเซียมในเลือดสูงมาก อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
เกลือโพแทสเซียม เป็นเพียงตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคในการลดโซเดียม แต่อย่างไรก็ตามวิธีที่ดีที่สุด คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร โดยการลดการกินเค็มลง ลดปริมาณการปรุงรสเพิ่ม และควรหลีกเลี่ยงอาหารอื่น ๆ ที่มีโซเดียมสูง ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่แสดงเลขสารบบอาหาร (เลข อย.) และอ่านฉลากก่อนซื้อ
ขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยฯ และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
เคล(Kale)ราชินีผักใบเขียว ไฟเบอร์สูงไขมันต่ำ ตัวช่วยลดน้ำหนัก!