น้ำผักผลไม้ กินติดต่อกันทุกมื้อเป็นเวลานานช่วยดีท็อกซ์ได้จริงหรือไม่ ?
เรื่องเข้าใจผิดอย่างหนึ่งของคนส่วนใหญ่ คือ น้ำผักผลไม้ช่วยดีท็อกซ์ล้างพิษออกจากร่างกายแต่ที่จริงแล้ว อาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิด หากกินมากเกินจำเป็โดยเฉพาะผู้มีโรคเรื้อรัง
เทรนด์สุขภาพ ปัจจุบันมีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการกิน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ การดีท็อกซ์ด้วยน้ำผักผลไม้คือการดื่มน้ำผักผลไม้เพียงอย่างเดียวในทุกมื้อ ติดต่อกันอย่างน้อย 2 วันถึง 3 สัปดาห์ โดยมีการอวดอ้างสรรพคุณแบบกว้างๆ ว่าเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยขับ “ของเสีย” ออกจากร่างกาย และมักไม่มีการระบุข้อมูลให้ชัดเจนในแง่ของชนิดและปริมาณของของเสียที่ขับออก รวมถึงกระบวนการที่ใช้ในการขับออกของเสียที่ว่านี้ออกไปจากร่างกาย
5 ผลไม้เติมวิตามินให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื่น กระตุ้นคอลลาเจนช่วยชะลอวัย
“น้ำพริก”เมนูเพิ่มการกินผักแบบไม่ฝืน เลือกโปรตีนถูกประโยชน์มากกว่า!
ดีท็อกซ์ด้วยน้ำผักผลไม้ส่งผลต่อสุขภาพจริงหรือไม่?
-
อาจช่วยลดน้ำหนักได้
การดื่มน้ำผักผลไม้เพียงอย่างเดียวทำให้ได้รับพลังงานหรือแคลอรี่ในแต่ละวันที่ต่ำมาก จึงทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วในระยะสั้น แต่การจำกัดพลังงานมากเช่นนี้ จะเพิ่มระดับฮอร์โมนที่กระตุ้นความอยากอาหาร เกิดอาการ “โหยอาหาร” อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มกลับมาภายหลังการดีท็อกซ์ได้
-
กระตุ้นการขับถ่าย
น้ำผักผลไม้โดยเฉพาะแบบที่คั้นโดยไม่แยกกาก จะให้กากใยสูง ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ แต่การขับถ่ายที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดการสูญเสียน้ำและแร่ธาตุบางอย่างมากขึ้นด้วย ดังนั้นต้องอย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอ
-
อาจไม่ดีต่อหัวใจของคนบางกลุ่ม
น้ำผักผลไม้มีปริมาณวิตามินและแร่ธาตุสูง แต่เนื่องจากระดับของแร่ธาตุในเลือดจะต้องถูกรักษาอยู่ในระดับที่เหมาะสม มิฉะนั้นจะเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น โพแทสเซียมที่พบมากในกล้วย แคนตาลูป และผักขม หากได้รับในปริมาณมากเกินความจำเป็น อาจส่งผลเสียต่อการทำงานของหัวใจ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่เดิม รวมถึงผู้ที่มีโรคไตซึ่งมีความผิดปกติเรื่องการกำจัดน้ำและเกลือแร่ออกจากร่างกาย
อาหารหลังออกกำลังกาย ไม่ต้องอด! เพิ่มระบบการเผาผลาญ ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
-
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยาก
น้ำผักผลไม้มีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสูตรที่ใช้ผลไม้เป็นวัตถุดิบหลัก เมื่อน้ำตาลปริมาณมากถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ร่างกายจะเร่งจัดเก็บน้ำตาลเช่นกัน ในบางครั้งจึงอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำตามมา ทำให้มีอาการสั่น เหงื่อแตก ใจสั่น หรืออ่อนเพลียได้
-
เสี่ยงต่อภาวะขาดโปรตีนในระยะยาว
เนื่องจากน้ำผักผลไม้มีปริมาณโปรตีนที่ต่ำมาก จึงไม่ควรทำดีท็อกซ์ติดต่อกันในระยะยาว หรือไม่ควรเว้นช่วงการทำดีท็อกซ์ในแต่ละครั้งที่สั้นจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม ร่างกายมีกระบวนการขับถ่ายของเสียตามปกติอยู่แล้ว การกินน้ำผลไม้แต่พอดีจึงอาจช่วยให้ลำไส้ได้ขับเคลื่อนกระตุ้นการขับถ่ายโดยเฉพาะคนธาตุหนักได้ แต่ควรเลือก ผักผลไม้ที่เหมาะสม ไม่ผสมน้ำตาลน้ำเชื่อมมากเกินไป อีกทั้งควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสมและหลากหลาย ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยฯ
เมนูช่วยขับเคลื่อนลำไส้ แก้อาการอาหารไม่ย่อย ปวดท้องง่าย!
“สะเดา” สมุนไพรรสขม ประโยชน์ล้างพิษในเลือด มีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหาร