ภาวะหมดไฟการทำงาน ไม่ใช่ซึมเศร้าแต่บั่นทอนจิตใจไม่อยากทำงาน!
ทำงานหนักเกินไป นอกจากจะบั่นทอนสุขภาพแล้วยังเสี่ยงภาวะหมดไฟที่น่ากลัวไม่แพ้ซึมเศร้า เผยเทคนิคป้องกันภาวะหมดไฟเริ่มที่ตัวเอง หาเวลาพักผ่อนบ้างช่วยได้เยอะ!
ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) ปัจจุบันยังไม่มีการจำกัดอาการหรือระบุแน่ชัดถึงอาการ เนื่องจากผู้อยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงานส่วนใหญ่ มีอาการคล้ายเป็นโรคซึมเศร้า เช่น มีความหดหู่ รู้สึกเครียด และไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน ในบางรายอาจมีอารมณ์ก้าวร้าว หรือหงุดหงิดเมื่อทำงานไม่ได้ดังใจอย่างเห็นได้ชัด
แม้ไม่ใช่อาการโรคซึมเศร้าแต่ภาวะหมดไฟอาจเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าปกติ
ปรับพฤติกรรมลดภาวะเบิร์นเอาท์ ปลุกไฟทำงานหลังหยุดยาว
“ภาวะหมดใจ” สาเหตุการลาออกเงียบ สะท้อนปัญหาในองค์กรกระทบจิตใจ
ปัจจัยเกี่ยวกับการทำงาน
- มีความรับผิดชอบในงานสูงมากเกินไป
- อยู่ในสิ่งแวดล้อม รวมถึงการงานที่ทำมีความกดดันและความเครียดอยู่ตลอดเวลา
- ฝืนใจทำงานที่ตนเองไม่ถนัด ไม่ได้อยากทำ หรือไม่มีความรักในงานนั้นๆ
- ทำงานด้วยความเบื่อหน่าย อาจด้วยตัวงานเองหรือมาจากเพื่อนร่วมงาน
- ถูกละเลย ไม่ได้รับการยอมรับ หรือได้รับค่าตอบแทนน้อยเกินไป
- ต้องทำงานที่มีปริมาณมาก งานหนักเกินไป รวมถึงขาดแคลนเครื่องอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์จำเป็นในการทำงาน
- องค์กรไม่มีความชัดเจน หรือขาดความมั่นคง
- ระยะเวลาในการทำงานนานเกินไป เช่น มากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน
ปัจจัยเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่
- ทำงานหนักเกินไป กระทั่งไม่มีเวลาพักผ่อน
- เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด หรือต้องดูแลพ่อแม่ที่สูงอายุตามลำพัง
ปัจจัยเกี่ยวกับบุคลิกส่วนตัว
- เป็นคนเครียด นิยมความสมบูรณ์แบบ หรือคาดหวังในการทำงานสูงมากเกินไป
- เก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับคนในที่ทำงาน หรืออาจเป็นคนไม่ยืดหยุ่น ต้องการให้ทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของตนเอง
ภาวะหมดไฟในการทำงานยังส่งผลถึงร่างกายด้วยเช่นกัน เช่น นอนไม่หลับ กังวลใจทุกครั้งที่ต้องไปทำงาน รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน รวมถึงปวดเมื่อยร่างกาย และประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ในบางรายอาจมีอารมณ์แปรปรวน รู้สึกสิ้นหวัง ล้มเหลวในการทำงาน หงุดหงิดจนแสดงออกด้วยการทะเลาะเบาะแว้งในที่ หรือหาทางออกโดยการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวเตร่ มาทำงานสาย และกลับบ้านดึก
กลไกสมอง สาเหตุการ“นอนไม่หลับ”ภาวะเครียดและโรคเรื้อรัง
ป้องกันภาวะหมดไฟในการทำงาน
- พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงสิ่งกระต้น เช่น บุหรี่ แอลกอฮอล์ รวมถึงการดื่มกาแฟที่มากเกินไป
- ลาพักร้อนบ้าง
- สร้างความสมดุลให้ชีวิตและการทำงาน จัดระเบียบการทำงานให้ลุล่วงตามลำดับความสำคัญ
- กำหนดเวลาการทำงานให้เหมาะสมในแต่ละวัน ไม่เสียเวลาจัดการงานที่ทำไม่ได้หรือติดขัดนานเกินไป จนส่งผลให้ทำงานไม่สำเร็จสักชิ้นเดียว
- ขอความเห็น ความช่วยเหลือ แม้กระทั่งการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเพื่อคลายความเครียด
- ไม่ควรนำงานกลับมาทำต่อที่บ้าน
- หากิจกรรมผ่อนคลายทำในช่วงวันหยุด
- ลดการสื่อสารในโลกโซเชียลลง เพราะนอกจากจะเบียดบังเวลาแล้ว การท่องโลกไซเบอร์มากๆ ส่งผลให้เกิดความเครียดจากการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่มากเกินไป
หากรู้สึกว่ามีอาการรุนแรงจนส่งผลถึงร่างกายและจิตใจอย่างมากตลอดจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขได้ ควรปรึกษาและรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงที อย่ามองว่าเป็นเรื่องเล็กจนปล่อยปละละเลยเป็นเวลานาน ความเบื่อหน่ายการงานและภาวะหมดไฟในการทำงานอาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้า ที่รักษายากและซับซ้อนขึ้นก็เป็นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช
ชนิดโรควิตกกังวลวัยทำงาน เสี่ยงภาวะซึมเศร้า ส่งผลต่อสภาพร่างกาย
ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น อาการเสี่ยงและวิธีรับมือป้องกันการฆ่าตัวตาย