คลายล็อกแล้ว! อย่าชะล่าใจ โควิดยังอยู่ หมอแนะใส่แมสก์ - ฉีดเข็มกระตุ้น
ย้อนขั้นตอนต่างๆ เมื่อทราบผลตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 ก่อนที่ไทยจะประกาศเข้าสู่โรคประจำถิ่น
รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 มาเป็นระยะๆ เพื่อให้สอดรับกับการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ ประเทศไทยต้องเผชิญกับโควิดสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ว่า คนรอบตัวเมื่อตรวจ ATK ก็จะพบว่า ผลตรวจมีค่าออกมาเป็นบวก วันนี้เราจึงชวนมาทวบทวน ขั้นตอนต่างๆ เมื่อทราบผลตรวจว่าเราติดโควิด-19
เปิดสถิติจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในไทย หลังรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการ
รักษาโควิดหายแล้ว ต้องตรวจหาเชื้อซ้ำไหม ยังแพร่เชื้อได้หรือไม่?
ติดโควิดแล้วต้องทำอย่างไร
วิธีที่ 1 ระบบ Home Isolation
สามารถลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ สปสช. https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI เพื่อเข้าไปกรอกประวัติและข้อมูลอาการ หรือไลน์ สปสช. @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 โดยเจ้าหน้าที่จะจับคู่สถานพยาบาลเพื่อดูแลให้ภายใน 6 ชั่วโมง
วิธีที่ 2 รับบริการแบบผู้ป่วยนอกของแต่ละสิทธิรักษา มีดังนี้
- สิทธิบัตรทอง 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) รักษาทุกที่ตามนโยบายยกระดับบัตรทอง สามารถเข้ารับบริการในระบบบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ โดยที่หน่วยบริการจะไม่มีการเรียกจให้กลับไปรับใบส่งตัวมาเหมือนในอดีต
- หน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น สถานีอนามัย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.), หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น
- สิทธิประกันสังคม ไปโรงพยาบาลตามสิทธิหรือโรงพยาบาลที่ลงทะเบียนเลือกไว้ สอบถามเพิ่มเติม สายด่วน 1506
- สิทธิข้าราชการ ไปโรงพยาบาลรัฐหรือสถานพยาบาลภาครัฐได้ทุกแห่ง
วิธีที่ 3 เจอ แจก จบ
โดยมาตรการ เจอ แจก จบ ประกอบด้วย
- ผู้ที่สงสัยป่วยโควิด-19 ตรวจ ATK แล้วหากพบผลเป็นบวก (เจอ) ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลตามสิทธิ
- แพทย์จะพิจารณาจ่ายยารักษาตามอาการ 3 สูตร (แจก) ได้แก่ 1.ยาฟ้าทะลายโจร 2.ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก 3. ยาฟาวิพิราเวียร์ (การจ่ายยาขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ของแพทย์)
- แพทย์จะแนะนำการดูแลรักษาต่อไป จ่ายยาแล้วให้ กลับมากักตัวที่บ้าน (จบ)
- โดยหน่วยบริการยังให้ผู้ป่วยดูแลป้องกันตนเองเหมือนเดิม และติดตามอาการ 1 ครั้งใน 48 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยง มีโรคประจำตัว เมื่อแพทย์ตรวจมีอาการไม่รุนแรงก็ให้เข้าระบบรักษาที่บ้าน (Home Isolation หรือ HI) หรือการรักษาในระบบชุมชน (Community Isolation หรือ CI), Hospitel และ Hotel Isolation แต่หากมีอาการรุนแรงมาก มีภาวะเสี่ยงจะถูกคัดแยกไปที่โรงพยาบาล
วิธีที่ 4 รับยากับร้านขายยา
ขั้นตอน ใช้สิทธิ "เจอ แจก จบ" รับยาจากร้านขายยารักษาโควิด-19 กลุ่มสีเขียว ฟรี! 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. ผู้ที่ตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด อาการไม่รุนแรง (กลุ่มผู้ป่วยสีเขียว)
- อายุน้อยกว่า 60 ปี
- น้ำหนักไม่เกิน 90 กิโลกรัม
- ไม่ตั้งครรภ์
- ไม่ใช่ผู้พิการ
- ไม่เป็นผู้ป่วยติดเตียง
- ไม่มีโรคประจำตัว รวมถึงโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน แม้จะคุมอาการได้ก็ตาม
- ไม่ใช่กลุ่ม 608 (กลุ่มผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน)
- ไม่มีอาการของโรคโควิด -19 ที่รุนแรง เช่น ปอดอักเสบ
- ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง เช่น ภาวะอ้วน
2. ติดต่อร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ โดยร้านยาจะให้แอดไลน์ (ไม่จำเป็นต้องไปร้านยา)
3. ร้านยาจัดส่งยาทางไปรษณีย์ และให้คำปรึกษาฟรี
รวมยารักษาโควิด-19 เปิดเกณฑ์ ไขข้อสงสัยทำไมแต่ละคนได้รับไม่เหมือนกัน
“สารประกอบในมะกรูด” มีฤทธิ์ต้านโควิด-19 ได้ใกล้เคียง “ยาเรมดิซิเวียร์”
แนวทางการจ่ายชดเชยบริการโควิด-19 กรณีปรับโรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น
ที่ประชุมบอร์ด สปสช.มีมติเห็นชอบการปรับหลักเกณฑ์ แนวทางการจ่ายชดเชยบริการโควิด-19 กรณีปรับโรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น โดยครอบคลุมเฉพาะหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพ ทั้งนี้ ประกาศหลักเกณฑ์ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 4 ก.ค.2565 เป็นต้นไป ตามรายละเอียดดังนี้
1. การจ่ายชดเชยค่าบริการสำหรับคนไทยทุกสิทธิ ได้แก่ ค่าบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ค่าบริหารจัดการศพ ค่าความเสียหายจากการฉีดวัคซีน จะถูกยกเลิก แล้วปรับใช้สิทธิจากกองทุนสุขภาพของแต่ละกองทุนตามระบบปกติ ซึ่งในส่วนของ สปสช. หากเกิดกรณีความเสียหายหลังฉีดวัคซีน จะใช้ มาตรา 41 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ในการจ่ายชดเชยเบื้องต้นแทน
2. ค่าบริการดูแลรักษาผู้ป่วย กรณีผู้ป่วยนอก ค่าบริการแบบ OP Self Isolation หรือเจอ แจก จบ ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ที่จ่ายให้หน่วยบริการจะถูกยกเลิก เปลี่ยนเป็นจ่ายชดเชยผู้ป่วยนอกตามระบบปกติ กรณีใช้บริการที่หน่วยบริการประจำ ค่าใช้จ่ายจะรวมอยู่ในงบเหมาจ่ายรายหัว แต่หากรับบริการนอกหน่วยบริการประจำ ยังมีรายการให้เบิกจ่ายเป็น กรณี ATK professional จ่ายตามจริงไม่เกิน 150 บาท และ RT-PCR จ่ายตามจริงไม่เกิน 900 บาท
กรณีผู้ป่วยใน จากเดิมที่จ่าย On Top จากระบบ DRG ได้แก่ ค่าห้องตามระดับความรุนแรงของโรค ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกระบวนการ/อุปกรณ์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และค่ายารักษาโควิด-19 เปลี่ยนเป็น จ่ายตามระบบ DRG จากกองทุนผู้ป่วยในระดับเขต ยกเลิกการจ่าย On Top ค่าห้อง และค่าอุปกรณ์ป้องกัน ส่วนยารักษาโรคโควิด-19 ยังสามารถเบิกจากกระทรวงสาธารณสุขได้ต่อไป
3. ค่ายานพาหนะส่งต่อตามระยะทาง จากเดิมที่รวมค่าทำความสะอาดอุปกรณ์ PPE จ่ายตามจริงไม่เกิน 500 บาท เปลี่ยนเป็น จ่ายเฉพาะค่าส่งต่อตามระยะทางกรมทางหลวงตามเดิม ยกเลิกการจ่ายค่า PPE และค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อพาหนะ
4. ค่าบริการฟอกเลือดผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จากเดิม จ่ายค่าฟอกเลือดครั้งละ 1,500 บาท ค่าชุด PPE จ่ายตามจริงไม่เกิน 1,000 บาทต่อครั้ง และค่ายานพาหนะส่งต่อรวมค่าทำความสะอาดจ่ายตามจริงไม่เกิน 500 บาท เปลี่ยนเป็น จ่ายเฉพาะค่าฟอกเลือดครั้งละ 1,500 บาท ยกเลิกการจ่ายค่า PPE และค่ารถส่งต่อกรณีผู้ป่วยนอก
5. ค่าบริการกรณีเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เปลี่ยนเป็นค่าบริการผู้ป่วยนอก และค่าบริการผู้ป่วยในตามระบบปกติ ยา IVIG จ่ายตามระบบ VMI
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบริการแบบ OP Self Isolation หรือเจอ แจก จบ ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขที่ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ แต่ปรับเฉพาะผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง 30 บาทหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเท่านั้น
รวมถึงการแจก ATK ที่ร้านขายยาที่เดิมให้ประชาชนทุกสิทธิรักษาที่มีอาการ ปรับเป็นเฉพาะประชาชนสิทธิบัตรทอง 30 บาทที่มีอาการเข้าข่ายต้องสงสัยติดโควิด-19 สามารถขอรับ ATK ได้ฟรีที่ร้านยาเพื่อตรวจด้วยตนเอง
ส่วนสิทธิอื่นๆ เช่น สิทธิประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ อยู่ระหว่างการหารือกันของหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าหลังปรับเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ยังจะให้ประชาชนตามสิทธิรักษาของตนมารับ ATK หรือยาที่ร้านยาได้หรือไม่
หมอเผย BA.5 อาการมากกว่า BA.2 ชัดเจน ปวดเมื่อย ไอ เจ็บคอมาก ท้องเสีย
รู้จักเครื่อง ECMO พยุงหัวใจและปอดให้ผู้ป่วยโควิด-19
เชื้อโควิดอยู่กับทุกที่หรือไม่ ?
ผู้ชายรายหนึ่ง ส่งคลิปมาให้ทีมข่าว พีพีทีวีออนไลน์ เมื่อเขาติดโควิดอยู่นั้น แล้วได้นำชุดตรวจโควิด มาถูไปที่บริเวณหน้ากากอนามัยที่ใส่แล้ว คอมพิวเตอร์ส่วนตัว ตามอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ และยังถูไปที่โต๊ะที่นั่งอยู่ เมื่อนำไปใส่ในน้ำยา แล้วหยดเข้าไปที่ชุดตรวจ พบว่าผลออกมามีเชื้อโควิด-19 อยู่
“หมอแล็บแพนด้า” ระบุ อย่าใช้ ATK ผิดวิธี
ชุดตรวจ ATK ซึ่งมันถูกออกแบบให้ตรวจกับสารคัดหลั่งในโพรงจมูกแล้วหยดตามด้วยบัฟเฟอร์ซึ่งเป็นน้ำใสๆที่เขาแถมมาในชุดตรวจ และทุกชุดตรวจต้องมีแถมมา แต่ละยี่ห้อก็ห้ามใช้ข้ามกันไปมา เอาต่างยี่ห้อมาใช้แทนกันไม่ได้
ในต่างประเทศมีการทดสอบการตรวจ ATK ด้วยการเอาเครื่องดื่มตามท้องตลาดหลากหลายชนิดที่มีปริมาณเกลือและระดับ pH ต่างกันมาลองตรวจดู ปรากฏว่า ขึ้น 2 ขีด เค้าเรียกว่าเกิดผลบวกลวงหรือ "ผลบวกปลอม" เพราะพวกเครื่องดื่มมันไปเปลี่ยนแปลง pH หรือหักล้างฤทธิ์ของสารละลายบัฟเฟอร์
บัฟเฟอร์คือ สารละลายที่ต้านทานการเปลี่ยนแปลงของ pH ประกอบด้วยกรดอ่อนหรือด่างร่วมกับเกลือชนิดหนึ่ง และสารประกอบอินทรีย์ขนาดเล็กที่เรียกว่าทริซีน (tricine) "บัฟเฟอร์จะเป็นตัวสร้างสภาพแวดล้อมที่ป้องกันไม่ให้แอนติบอดีจับกันยกเว้นเชื้อโควิดเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าเราตรวจ ATK แล้วไม่ใช้น้ำยาบัฟเฟอร์ของผู้ผลิต ไปเอาน้ำอย่างอื่นมาหยดแทน หรือทำให้บัฟเฟอร์มีการเปลี่ยนแปลงในทางใดทางหนึ่ง การทำแบบนี้จะทำให้เกิดผลบวกปลอมได้
กทม. เปิด 7 โรงพยาบาลในสังกัด walk in ฉีด "วัคซีนโมเดอร์นา"
‘หมอยง’ แนะผู้ป่วยโควิดกักตัว 10 วัน แม้ผลตรวจ ATK เป็นลบแล้ว
Antigen Test Kit ได้ผลบวกปลอม (False Positive) เกิดจากอะไร?
ผลบวกปลอม (False Positive) คือการที่ตรวจ ATK แล้ว ผลพบเชื้อหรือเป็นบวก แต่เมื่อตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR แล้วไม่ได้ติดเชื้อ
สาเหตุ
1.การติดเชื้อไวรัสหรือจุลชีพอื่น ๆ
2. ปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีทดสอบไม่ถูกต้อง เช่น อ่านผลเกินเวลาที่กำหนด
3. ชุดตรวจไม่ได้มาตรฐาน
4. การปนเปื้อนจากพื้นที่ที่ทำการทดสอบลงบนอุปกรณ์ที่ใช้
5. สภาพสิ่งส่งตรวจไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ หากท่านมีอาการของทางเดินหายใจ เช่น มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอ มีไข้ หรือ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโควิดเสี่ยงสูง และทดสอบ ATK ผลเป็นบวก ให้แยกตัวทันทีและติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือสายด่วน สปสช. 1330 ต่อ 14 การพิจารณาตรวจหาเชื้อซ้ำและแนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับแนวทางของสถานพยาบาลนั้น ๆ
โควิด-19 สู่การเป็นโรคประจำถิ่น
นิยาม “โรคประจำถิ่น” ทางระบาดวิทยา นิยามการระบาดของโรคเป็น 4 ระดับ ประกอบด้วย
- การระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic) การระบาดของโรคที่แพร่กระจายไปทั่วโลก เช่น การระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2461 (Spanish flu) หรือการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และล่าสุดคือการระบาดของ COVID-19 ที่ลุกลามไปทั่วโลก
- โรคระบาด (Epidemic) การระบาดของโรคที่แพร่กระจายกว้างขึ้นในเชิงภูมิศาสตร์ ซึ่งโรคระบาดที่แผ่ไปในพื้นที่ที่กว้างขึ้นนั้นเป็นการระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และมีจำนวนผู้ติดเชื้อเกินกว่าที่คาดการณ์ได้ เช่น โรคอีโบลาที่ระบาดในทวีปแอฟริกาตะวันตกในปี 2557-2559
- การระบาด (Outbreak) เหตุการณ์ที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นผิดปกติ ทั้งในกรณีโรคประจำถิ่น แต่มีจำนวนผู้ป่วยมากกว่าที่คาดการณ์ หรือในกรณีโรคอุบัติใหม่ ถึงแม้จะมีผู้ป่วยเพียงรายเดียว เช่น การระบาดของไข้เลือดออกในปี 2562
- โรคประจำถิ่น (Endemic) โรคที่เกิดขึ้นประจำในพื้นที่นั้น กล่าวคือมีอัตราป่วยคงที่และสามารถคาดการณ์ได้ โดยขอบเขตของพื้นที่อาจเป็นเมือง ประเทศ หรือใหญ่กว่านั้นอย่างกลุ่มประเทศ หรือทวีป เช่น ไข้เลือดออกในประเทศไทย โรคมาลาเรียในทวีปแอฟริกา
เกณฑ์พิจารณา โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น
1. ผู้ป่วยรายใหม่ไม่เกิน 10,000 คนต่อวัน
2. อัตราป่วยตายน้อยกว่า ร้อยละ 0.1
3. เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล น้อยกว่าร้อยละ 10
4. กลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรงได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 โดส มากกว่าร้อยละ 80
แนะอาหารผู้ป่วย "ลองโควิด" (Long COVID) เสริมวิตามินแร่ธาตุฟื้นฟูร่างกาย
ลองโควิด (Long Covid) เรื่องไม่เล็ก ส่งผลต่อสมอง กระทบต่อจิตใจ
สธ.เผย !! สถานการณ์โควิดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อย่ารีบถอดหน้ากาก เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โควิด 19 ทั่วโลกหลายประเทศพบรายงานสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4/BA.5 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยุโรป สหรัฐอเมริกา ดังนั้น ผู้เดินทางไปต่างประเทศที่อาจมีการผ่อนคลายเรื่องหน้ากากแล้ว ยังแนะนำให้สวมหน้ากากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เพื่อไม่ให้นำเชื้อกลับมาติดกลุ่มเสี่ยงที่บ้าน และเมื่อกลับมาแล้วขอให้สวมหน้ากาก เลี่ยงไปสถานที่สาธารณะ ถ้าป่วยมีอาการแล้วสงสัยตรวจ ATK ได้เลย
สำหรับประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยกำลังรักษา ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ทำให้พบผู้ติดเชื้อที่อาการไม่มากและรักษาตัวที่บ้านมากขึ้น โดยพบผู้รักษาในระบบ HI เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1.5 หมื่นราย ลงทะเบียนรับยาผ่านระบบ สปสช. แบบผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นจาก 1.91 แสนราย เป็น 2.07 แสนรายในสัปดาห์นี้ แต่ผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลยังเพิ่มขึ้นไม่มาก อยู่ในเกณฑ์รองรับได้ในระบบสาธารณสุข โดยจังหวัดที่พบเข้ารักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น คือ กทม. ปริมณฑล จังหวัดใหญ่และท่องเที่ยว
กรมควบคุมโรคได้คาดการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่และเสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 เป็นต้นไป ว่าอาจเกิดการระบาดเป็นระลอกเล็ก ๆ (Small Wave) ได้ ซึ่งช่วงนี้มีสัญญาณว่ากำลังมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น อาจทำให้มีผู้ไปรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น หากยังคงมาตรการเหมือนช่วงเดือนมิ.ย. คาดช่วง 10 สัปดาห์จากนี้ไปจนถึงเดือนก.ย.จะเป็นช่วงพีคสุดของเวฟในการเจอผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล แต่ถ้าผ่อนคลายมาตรการทั้งหมดไม่สวมหน้ากาก ก็อาจจะมีผู้ป่วยมากขึ้นอีก และหากกลุ่ม 608 ป่วยมากขึ้น ก็อาจจะเป็นระลอกใหญ่ขึ้นได้ ดังนั้น อย่าเพิ่งรีบผ่อนหน้ากากอนามัย ขอให้ใส่ไว้ก่อนเมื่ออยู่ในสถานที่ปิด สถานที่แออัด ขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และรีบไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยลดและป้องกันอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตลงได้
ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ , หมอแล็บแพนด้า