15 ธันวาคม “วันชาสากล” ย้อนรอยประวัติศาสตร์บนใบชา ประโยชน์หลากหลาย
เพื่อเป็นการเฉลิงฉลอง และระลึกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 5,000 ของอุตสาหกรรมใบชา ชาวโลกยกย่องให้วันที่ 15 ธันวาคม ของทุกปี เป็น “วันชาสากล (International Tea Day)”
วันชาสากล (International Tea Day) ถูกกำหนดขึ้นให้ตรงกับวันที่ 15 ธันวาคมของทุกปี เพื่อระลึกถึงจุดเริ่มต้นเริ่มมาจากเกษตรกรผู้ปลูกชากลุ่มเล็กหลายกลุ่ม ในอินเดีย ที่ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิและความชอบธรรมในการค้าชาของตน เหตุเพราะการค้าชาในประเทศมีการบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ เกษตรกรผู้ปลูกชาหลายพื้นที่จึงนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการปลูก ทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตดีขึ้น ชาที่ได้ก็มีคุณภาพดีทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น และได้ใช้วันที่ 15 ธันวาคมเป็นวันเฉลิมฉลองวันชาสากล นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
8 เครื่องดื่มทดแทนกาแฟ ลดคาเฟอีนอุดมด้วยประโยชน์ เลิกกาแฟได้ไม่หักดิบ
ประโยชน์ของชาเอิร์ลเกรย์ หนึ่งในเครื่องดื่มทรงโปรด ควีน เอลิซาเบธที่ 2
ซึ่งอย่างที่ทราบกันดี ว่า ชานั้นเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายคน เพราะมีกลิ่นที่หอมและรสชาติขมปลายลิ้นเป็นเอกลักษณ์ มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน กรดอะมิโน คาเฟอีน ธิโอฟิลลีน และอื่น ๆ อีกมากมาย สารแต่ละตัวมีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันไป บางตัวมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง บางตัวออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ดังนั้น การได้รับสารเหล่านี้เข้าไปจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น อาทิ
- ฤทธิ์ต้านการอักเสบ บรรเทาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- แก้หวัด แก้ร้อนใน ขับลมพิษ
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- แก้เวียนหัว หน้ามืด
- ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในร่างกาย
- มีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ แต่สดชื่นและทำให้ตื่นตัวไม่ต่างกัน
- นอกจากตัวใบชาที่มีประโยชน์แล้ว ถุงชาใช้แล้วยังช่วยบำรุงผิวพรรณและงานบ้านได้หลากหลายอีกด้วย
ขณะที่ในประเทศไทย แม้จะไม่ปรากฎหลักฐานที่ชัดเจน ว่า วัฒนธรรมการดื่มชาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ในสมัยสุโขทัยช่วงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับจีบ พบว่าได้มีการดื่มชากันแล้ว และจากจดหมายของท่านลาลูแบร์ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้กล่าวไว้ว่า คนไทยได้รู้จักการดื่มน้ำชาแล้ว โดยนิยมชงชาเพื่อรับแขก การดื่มชาของคนไทยสมัยนั้นดื่มแบบชาจีนไม่ใส่น้ำตาล
การพัฒนาอุตสาหกรรมชาของประเทศไทย เริ่มขึ้นอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2480 โดย โดยมีการเปิดบริษัทผลิตใบชาแห้งขึ้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และได้มีการปรับปรุงระบบกระบวนการเพาะปลูกและผลิตมาเป็นลำดับ จนมาถึงปัจจุบัน ในส่วนของภาครัฐนั้น ได้มีการส่งเสริมการปลูกและการแปรรูปใบชาในรูปแบบอุตสาหกรรมขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2483 นำโดย มล.เพชร สนิทวงศ์ ปลัดกระทรวงเกษตรฯในสมัยนั้นได้ไปหาที่ปลูกที่เหมาะสมที่บริเวณ โป่งน้ำร้อน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เป็นสถานที่ทดลองปลูก และประสบผลสำเร็จจึงได้ขยายพื้นที่ปลูกไปอีกหลายๆแหล่งในภาคเหนือจากนั้นในปี พ.ศ.2530 ได้มีการส่งเสริมและพัฒนาการปลูกและการแปรรูปใบชา ให้มีผลผลิตที่ดีและมีการแปรรูปที่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน อันเป็นการเริ่มต้นในทิศทางที่ดีของเกษตรกรและโรงงานอุตสาหกรรมผลิตชามาจนถึงปัจจุบัน
วิจัยพบ “ชาเขียว” ต้านอนุมูลอิสระลดการอักเสบบรรเทาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
เปิด 9 ประโยชน์ "ถุงชาใช้แล้ว" ดีต่อใจหัวจรดเท้าแถมช่วยงานบ้านดีเลิศ
รู้หรือไม่? “การชงชา” เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เพราะ เป็นกระบวนการแยกสารด้วยเทคนิคการสกัดด้วยตัวทำละลาย ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เราสามารถดึงสารที่มีคุณค่าจากใบชาออกมา เพราะหากสังเกต เมื่อเราเทน้ำร้อนลงในใบชา น้ำจะค่อย ๆ มีสีเข้มขึ้น แสดงว่า สารอาหารในใบชาได้ละลายออกมาเป็นน้ำชาให้เราได้ดื่มแล้วนั่นเอง ในทางเคมีเรียกกระบวนการเช่นนี้ว่า “การสกัดสารด้วยตัวทำละลาย”
ดังนั้น การเลือกตัวทำละลายที่เหมาะสม จะทำให้สามารถแยกสารที่ต้องการออกมาได้ดีที่สุด ในกรณีของใบชาสารส่วนใหญ่เป็นสารที่มีขั้ว การเลือกใช้น้ำซึ่งเป็นเป็นตัวทำละลายที่มีขั้วเช่นกันจึงเหมาะสม ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดต่อกันมา เกิดเป็นวัฒนธรรมการชงชาและการดื่มชาที่แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
เช้า ๆ อากาศเย็นๆ ลมหนาวแบบนี้ ชาร้อนสักแก้ว ฉลองให้กับวันชาสากล คงเป็นการเริ่มต้นที่ดีเลยทีเดียวค่ะ ^^
ข้อมูลจาก : สำนักหอสมุดกลาง ม.รามคำแหง,สสวท.,มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
24 สิงหาคม “วันแห่งความรักสุรา” บทเรียนยาพิษแสนหวานของกวีเอก
ดีต่อใจ! ชาใบหม่อน เครื่องดื่มรับลมหนาว ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด