โควิด-19 รอบสัปดาห์ไทยยังลดลง สวนโควิดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ
สถานการณ์โควิด-19 รอบสัปดาห์ที่ 35 พบยอดผู้ติดเชื้อโควิดลดลงเหลือ 187 ราย เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 1 คน ขณะที่ WHO เผยสถานการณ์โควิดโลกในช่วงเวลา 28 วัน เพิ่มขึ้น 38% อย่างมีนัยยะแต่ไม่จำเป็นต้องตระหนกเพราะผู้เสียชีวิตทั่วโลกลดลง 78%
กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โควิด-19 รายสัปดาห์ ระบุว่า ข้อมูลของสัปดาห์ที่ 35 ระหว่างวันที่ 27สิงหาคม-2 กันยายน 2566 มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่รักษาในโรงพยาบาล 187 ราย เฉลี่ยรายวัน 27 รายต่อวัน ป่วยสะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ 32,675ราย ขณะที่ผู้ป่วยหนักปอดอักเสบพบรายงาน 125 รายและผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 74 ราย ด้านผู้เสียชีวิตลดลงเหลือ 6 ราย เฉลี่ยวันละ 1 ราย เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ 796 ราย
โควิด-19 รอบสัปดาห์ติดเชื้อลดลง สวนทางไข้หวัดใหญ่-ไวรัส RSV ระบาดเพิ่ม!
อัปเดตโควิดไทย! พบ EG.5 แล้ว 23 ราย! ย้ำยังไม่ชัด HK.3 แพร่เร็วกว่า
สำหรับจำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยังไม่พบการรายงานว่ามีผู้เข้ารับวัคซีนเพิ่มเติม โดยในปัจจุบันฉีดวัคซีนสะสม 144,951,341 โดส แบ่งเป็น วัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 57,233,919 โดส คิดเป็น 82.28% เข็มที่ 2 จำนวน 53,730,348 โดส คิดเป็น 77.25% และตั้งแต่เข็มที่ 3 ขึ้นไป จำนวน 33,987,074 โดส (อัพเดตวันที่ 26 พ.ค. 2566)
ด้านศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด 19 ทั่วโลกว่า องค์การอนามัยโลกแถลงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วโลกในช่วง 28 วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 38% ทั้งในยุโรบและอเมริกามีผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่จำเป็นต้องตระหนกแม้จะมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นแต่พบว่าผู้เสียชีวิตทั่วโลกลดลง -78%
- ประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด 5 ลำดับแรกคือ สาธารณรัฐเกาหลี, อิตาลี, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลียและ สิงคโปร์
- ประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตรายใหม่มากที่สุด 5 ลำดับแรกคือ สาธารณรัฐเกาหลี, อิตาลี, สหพันธรัฐรัสเซีย, ออสเตรเลีย และ จีน
ส่วนประเทศไทยสถานการณ์ดีมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ลดลงอย่างต่อเนื่อง
จีโนมทางการแพทย์ เปิดเผยต่อว่า องค์การอนามัยโลกออกมาเตือนถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคโควิด-19 ในประเทศที่อยู่ในซีกโลกเหนือ(northern hemisphere) โดยเฉพาะประเทศในยุโรบ ทำให้หน่วยงานด้านสุขภาพทั่วโลกต้องเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากโดยปกติภูมิภาคเหล่านี้มักจะพบเห็นการเจ็บป่วยทางเดินหายใจสูงสุดในช่วงฤดูหนาว แต่ขณะนี้ยังเป็นช่วงฤดูร้อนของทางซีกโลกเหนือ (ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม) แต่กลับพบการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ขึ้นแล้ว
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา (US CDC) รายงานว่ามีจำนวนผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยส่งผลให้โรงเรียน โรงพยาบาล และสถานประกอบการหลายแห่งในสหรัฐสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่และเด็กนักเรียนเริ่มสวมหน้ากากอนามัยกันอีกครั้ง CDC ยังเตือนเกี่ยวกับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.86 ซึ่งอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อในผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาก่อนหรือเป็นผู้เคยได้รับวัคซีนมาแล้ว องค์การอนามัยโลกเตือนว่ารายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และการกลายพันธุ์ของโควิดสายพันธุ์ย่อยอาจคลาดเคลื่อนน้อยกว่าความเป็นจริงนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกมีการ ลด ละ และ เลิก กาตรวจ PCR และการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของโควิด-19
ระยะเวลา 28 วัน (24 กรกฎาคม ถึง 20 สิงหาคม 2566): ทั่วโลกมีผู้ป่วยรายใหม่เข้ารับการรักษาโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาล 55,728 ราย และเข้ารับการรักษาใน ICU 615 รายที่มีรายงานต่อองค์การอนามัยโลก
การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 40% แต่การรับเข้า ICU ลดลง 33% เมื่อเทียบกับช่วง 28 วันก่อนหน้า ในซีกโลกเหนือโดยเฉพาะภูมิภาคยุโรปมีสัดส่วนของประเทศที่รายงานการรักษาในโรงพยาบาลและการรับเข้ารักษาใน ICU สูงที่สุด
องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เพิ่มการเฝ้าระวังและการรายงานโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ท่ามกลางการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเทศในยุโรป
องค์การอนามัยโลกรายงานผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายใหม่จากโรคโควิด-19 ในรอบ 28 วันที่ผ่านมาตามภูมิภาคที่องค์การอนามัยโลกแบ่งเขตไว้ดังนี้
- ภูมิภาคยุโรป: ติดเชื้อเพิ่มขึ้น +39%, เสียชีวิตลดลง -43%
- ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก: ติดเชื้อเพิ่มขึ้น +52%, และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น +9%
- ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก: ติดเชื้อเพิ่มขึ้น +113%,และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น +33%
- ภูมิภาคแอฟริกา: ติดเชื้อลดลง -76%, เสียชีวิตลดลง -73%
- ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ติดเชื้อลดลง -48%, เสียชีวิตลดลง -51%
มีการถอดรหัสโควิด-19 ทั้งจีโนมตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 27 สิงหาคม 2023 จำนวนทั้งสิ้น 12,445 รายที่แชร์ไว้บนฐานข้อมูลโควิด-19 โลก”จีเสส(GISAID)” โดยองค์การอนามัยโลกขอให้ชาติสมาชิกเฝ้าติดตามโควิด 3 สายพันธุ์ย่อยอย่างใกล้ชิด (VOI):
- XBB.1.5
- XBB.1.16
- EG.5
เฝ้าติดตามอีก 7 สายพันธุ์ห่างๆ (VUM): BA.2.75, BA.2.86, CH.1.1, XBB, XBB.1.9.1, XBB.1.9.2 และ XBB.2.3
ขณะนี้ EG.5 เป็น VOI ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกมากที่สุด โดยคิดเป็น 26.1% ในสัปดาห์ระบาดวิทยาที่ 32 (7 ถึง 13 สิงหาคม 2566) แซงหน้า XBB.1.16 ซึ่งมีความชุกของการระบาดทั่วโลกที่ 22.7% ในสัปดาห์เดียวกัน
EG.5 มีความชุกของการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ระบาดวิทยาที่ 28 (10 ถึง 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2566) ที่มีการระบาดเพียง 15.4%
ในขณะที่ XBB.1.16 มีการระบาดคงที่ในช่วงเวลาการรายงาน
มีการรายงานพบ XBB.1.16 และ EG.5 จาก 109 และ 57 ประเทศ ตามลำดับ
XBB.1.5 พบใน 124 ประเทศทั่วโลก และมีแนวโน้มความชุกของการระบาดที่ลดลง โดยคิดเป็น 10.2% ในสัปดาห์ที่ 32 เทียบกับ 12.2% ในสัปดาห์ที่ 28
ยุทธวิธีล่าสุดโควิด19 “กลายพันธุ์คู่-พลิกขั้ว” คาดสายพันธุ์หลักในอนาคต
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 องค์การอนามัยโลก จัดให้ BA.2.86 เป็นโอมิครอนประเภท VUM ที่ควรเฝ้าจับตามองห่างๆ พบใน7ประเทศ (ห้าประเทศในภูมิภาคยุโรป หนึ่งประเทศในภูมิภาคแอฟริกา และอีกหนึ่งประเทศในภูมิภาคอเมริกา)โดยมีการอัปโหลดข้อมูลรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลกจีเสส จำนวนทั้งสิ้น 21 ตัวอย่างจนถึงขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดรายงานการเสียชีวิตต่อองค์การอนามัยโลกจากกลุ่มผู้ป่วยที่ตรวจพบ BA.2.86
พบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่มีการกลายพันธุ์คู่-พลิกขั้ว (Flip Combo Mutation) ที่ช่วยทำให้ไวรัสกลุ่มนี้หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีพร้อมกับจับกับผิวเซลล์ได้แน่นขึ้นจำนวน 2,451 รายทั่วโลกโดยมีสายพันธุ์หลักคือ XBB.1.5.70, HK.3 และ GK
ในขณะที่โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย 2.75 และ XBB.1.9.2 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด 5 ลำดับแรก
- สาธารณรัฐเกาหลี: พบผู้ป่วยใหม่ 1,296,710 ราย (+73%)
- อิตาลี: ติดเชื้อใหม่ 26,998 ราย (+81%)
- สหราชอาณาจักร: พบผู้ป่วยใหม่ 26,264 ราย (+89%)
- ออสเตรเลีย: พบผู้ป่วยรายใหม่ 20,628 ราย (-33%)
- สิงคโปร์: พบผู้ป่วยรายใหม่ 20,432 ราย (-12%)
ประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตรายใหม่มากที่สุด 5 ลำดับแรก
- สาธารณรัฐเกาหลี: เสียชีวิตรายใหม่ 596 ราย (+199%)
- อิตาลี: เสียชีวิตรายใหม่ 192 ราย (+45%)
- สหพันธรัฐรัสเซีย: เสียชีวิตรายใหม่ 158 ราย (-37%)
- ออสเตรเลีย: เสียชีวิตรายใหม่ 145 ราย (-62%)
- จีน: เสียชีวิตรายใหม่ 135 ราย (+193%)
ศูนย์จีโนม เผย “EG.5.1” ยังไม่สามารถแทนที่ “XBB.1.16” ในไทยได้