เมื่อโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น วิถีชีวิตเราจะเปลี่ยนไปอย่างไร
รู้ชัด“โรคประจำถิ่น” ก่อนไทยประกาศโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น วิถีชีวิตเราจะเปลี่ยนไปอย่างไร?
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศไทย แม้จะยังมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในระดับจังหวัดได้เริ่มมีการปรับเปลี่ยนเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความสงสัยถึงความหมายและมาตรการต่าง ๆ เมื่อจังหวัดของตนเองเข้าสู่โรคประจำถิ่น
ดังนั้นโรคประจำถิ่นคืออะไร และหากประเทศไทยประกาศให้โรคระบาดนี้กลายเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว วิถีชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปอย่างไรนั้น ทีมข่าว PPTV News ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ มาดังนี้
ความต่างระหว่าง “โรคประจำถิ่น” กับ “การระบาดใหญ่” โลกกำลังจะไปทางไหน?
จริงหรือ? ทวีปแอฟริกากำลังพ้นจากสภาวะการระบาดใหญ่ของโควิด-19
นิยาม “โรคประจำถิ่น”
ทางระบาดวิทยา นิยามการระบาดของโรคเป็น 4 ระดับ ประกอบด้วย
- การระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic) การระบาดของโรคที่แพร่กระจายไปทั่วโลก เช่น การระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2461 (Spanish flu) หรือการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และล่าสุดคือการระบาดของ COVID-19 ที่ลุกลามไปทั่วโลก
- โรคระบาด (Epidemic) การระบาดของโรคที่แพร่กระจายกว้างขึ้นในเชิงภูมิศาสตร์ ซึ่งโรคระบาดที่แผ่ไปในพื้นที่ที่กว้างขึ้นนั้นเป็นการระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และมีจำนวนผู้ติดเชื้อเกินกว่าที่คาดการณ์ได้ เช่น โรคอีโบลาที่ระบาดในทวีปแอฟริกาตะวันตกในปี 2557-2559
- การระบาด (Outbreak) เหตุการณ์ที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นผิดปกติ ทั้งในกรณีโรคประจำถิ่น แต่มีจำนวนผู้ป่วยมากกว่าที่คาดการณ์ หรือในกรณีโรคอุบัติใหม่ ถึงแม้จะมีผู้ป่วยเพียงรายเดียว เช่น การระบาดของไข้เลือดออกในปี 2562
- โรคประจำถิ่น (Endemic) โรคที่เกิดขึ้นประจำในพื้นที่นั้น กล่าวคือมีอัตราป่วยคงที่และสามารถคาดการณ์ได้ โดยขอบเขตของพื้นที่อาจเป็นเมือง ประเทศ หรือใหญ่กว่านั้นอย่างกลุ่มประเทศ หรือทวีป เช่น ไข้เลือดออกในประเทศไทย โรคมาลาเรียในทวีปแอฟริกา
ปลดล็อกโควิด-19 ทีละขั้น สู่โรคประจำถิ่น
WHO เตือนโควิด-19 ยังไกลจากโรคประจำถิ่น
เกณฑ์โรคประจำถิ่น
สำหรับเกณฑ์พิจารณาโควิด-19 ที่จะถือว่าโรคประจำถิ่น ที่กระทรวงสาธารณะสุขประกาศ เมื่อเดือน มกราคม 2565 ต้องมีองค์ประกอบดังนี้
- ผู้ป่วยรายใหม่ไม่เกิน 10,000 คนต่อวัน
- อัตราป่วยตายน้อยกว่า ร้อยละ 0.1
- เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล น้อยกว่าร้อยละ 10
- กลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรงได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 โดส มากกว่าร้อยละ 80
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
“หมอมนูญ”คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดเมื่อโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กล่าวถึงโรคประจำถิ่นว่า โรคประจำถิ่นมีหลายโรค อย่างไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ที่เคยเป็นโรคระบาดมาก่อน และได้กลายเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว บางปีอาจจะมีผู้ป่วยมาก อีกปีมีผู้ป่วยน้อย แต่เราไม่ได้ตื่นเต้นตกใจ สามารถอยู่ร่วมกันได้
เช็กอาการ"โควิด-ภูมิแพ้-ไข้หวัด-ไข้หวัดใหญ่" แยกความต่าง รักษาถูกวิธี
เปิดข้อแตกต่าง“ไข้เลือดออก-โควิด” เช็กอาการให้ชัวร์ป่วยเป็นโรคไหน
“เมื่อโควิด-19 เข้าสู่โรคประจำถิ่น ก็จะคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ คือ ใครที่ป่วยก็ต้องรับผิดชอบในการป้องกันตนเอง ไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่คนอื่น ส่วนคนรอบข้างก็ไม่จำเป็นต้องสวมแมสก์ คนทั่วไปก็เดินทางข้ามจังหวัดได้ และนักท่องเที่ยวก็สามารถเข้าประเทศได้โดยไม่จำเป็นต้องตรวจคัดกรองโรคด้วย ATK หรือไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป ขณะเดียวกันร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงหนัง จะสามารถเปิดบริการได้หมด การรวมกลุ่มกันจำนวนมากก็สามารถทำได้” นพ.มนูญ กล่าว
ส่วนการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ก็อาจมีการปรับให้ผู้ป่วยสีเหลือง และสีแดง รักษาตามสิทธิ์ที่ตัวเองมี แต่ในส่วนของการสำรองยานั้น เนื่องจากยาฟาวิพิราเวียร์ยังไม่มีผลการศึกษาในการใช้รักษาผู้ป่วยโควิดอย่างชัดเจน และไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ เสี่ยงทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ จึงคิดว่าการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ในอนาคตต่อไปนี้อาจมีน้อยกว่าเดิม แต่จะเพิ่มการสำรองยาแพกซ์โลวิดและโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งมีผลการศึกษาว่าใช้รักษาผู้ป่วยโควิดได้ประสิทธิผลดี
ขณะที่การฉีดวัคซีน คนที่ฉีดวัคซีนชนิดไวรัลเวกเตอร์ อย่างวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนชนิด mRNA อย่างวัคซีนไฟเซอร์ และวัคซีนโมเดอร์นาแล้วครบ 3 เข็ม นพ.มนูญ มองว่า เพียงพอแล้วที่จะมีภูมิต้านทานต่อโรคโควิดในปัจจุบัน แต่คนที่ฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตาย อย่างวัคซีนซิโนแวคและวัคซีนซิโนฟาร์ม แนะนำให้ฉีด 4 เข็ม ถึงจะเพียงพอ อย่างไรก็ตามหากจะฉีดกระตุ้นอีก ขอให้ฉีดวัคซีนรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2
เช็กที่นี่ ! รวมจุดฉีดวัคซีนโควิด ทั้งแบบลงทะเบียน และ Walk in
ผู้ปกครองเช็กเลย "เด็ก" ฉีดวัคซีนโควิดอะไรได้บ้าง-จุดรับวัคซีน
ทั้งนี้ มาตรการในการควบคุมโรคโควิดที่อาจจะเปลี่ยนไปนั้น อาจเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปให้สอดคล้องกับสถิติผู้ติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิต ณ ขณะนั้น คือ ควรจะมียอดผู้ติดเชื้อไม่กี่ร้อยคน และมีอัตราการเสียชีวิตเพียงหลักสิบหรือหลักหน่วยเท่านั้น
ส่วนความพร้อมของประเทศไทยในการเตรียมปรับ “โรคโควิด” เข้าสู่โรคประจำถิ่น (Endemic) ในเดือน ก.ค.นี้ นพ.มนูญ วิเคราะห์ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีความพร้อม เพราะอัตราการฉีดวัคซีนสะสมของประเทศไทยครบทั้ง 2 เข็มทะลุ 70% แล้ว
นพ.มนูญ กล่าวทิ้งท้ายว่า การเริ่มต้นประกาศเข้าสู่โรคประจำถิ่นจังหวัดแรก อาจทำให้หลายจังหวัดอยากจะประกาศตาม จึงอยากฝากทุกคนว่า ขออย่ากลัวหรือกังวล โรคโควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในอนาคตทุกคนอาจจะเป็นกันได้ เพียงแต่เมื่อเรามีภูมิคุ้มกันหลังจากหายป่วยหรือมาจากการฉีดวัคซีน เมื่อป่วยอีกก็จะมีอาการไม่รุนแรง เหมือนกับคนป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา ดังนั้นขอเน้นย้ำให้คนที่ยังฉีดไม่ครบโดส หรือยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้นเข้ารับวัคซีน เราก็จะอยู่ร่วมกับโควิดได้อย่างสบายใจและไม่เครียด
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค และ กระทรวงสาธารณสุข