ความเคลื่อนไหวในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันนี้ ไฮไลท์หนึ่งคือการหารือระหว่างผู้นำเอเปคกับแขกพิเศษ คือ นายเอ็มมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน
เปิดฉาก APEC 2022 ไทยดัน Bangkok Goals ฟื้นฟูเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิค
“สี จิ้นผิง" ถึงไทย พร้อมประชุม APEC 2022
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดถึงการเป็นเจ้าภาพเอเปคครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ของไทย เผชิญสถานการณ์ที่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะเจอความท้าทายทางเศรษฐกิจมากมาย
รวมถึงความไม่มั่นคงด้านพลังงานและอาหาร เช้านี้ผู้นำเอเปคได้หารือเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยปีนี้ได้เริ่มทบทวนการหารือเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอฟแทป ผลักดันการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
นายอนุชา ยังเปิดเผยอีกว่า นายเอ็มมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในฐานะแขกพิเศษ กล่าวในที่ประชุม บอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมการประชุมฯ พร้อมยืนยัน ฝรั่งเศสสนับสนุนการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนท่ามกลางความท้าทาย
ขณะที่ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย พูดถึงความร่วมมือในส่วนของซาอุดีอาระเบีย และ OPEC ที่มุ่งมั่นเสริมสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างเสถียรภาพในตลาดพลังงาน และความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาด
นอกจากวงประชุมร่วมกับพลเอกประยุทธ์ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ยังร่วมกล่าวปาฐกถาในเวทีประชุม APEC CEO Summit ในหัวข้อ “ทิศทางวิกฤตการณ์โลก” โดยผู้นำฝรั่งเศสเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ กลับมาเคารพกฎระเบียบระหว่างประเทศ และสนับสนุนกลไกพหุภาคีเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลก
โดยผู้นำฝรั่งเศสได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ดำเนินการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุม เพื่อจัดการกับความไม่เท่าเทียมและความไร้เสถียรภาพ รวมถึงสร้างเสถียรภาพ และความสมดุลใหม่ให้เกิดขึ้นในภูมิภาค เพื่อป้องกันความขัดแย้งใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และทำให้ประเทศต่างๆ ไม่ตกอยู่ในสถานการณ์บังคับให้ต้องเลือกข้างระหว่างมหาอำนาจแต่ละฝ่าย
ขณะที่นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถึงพันธสัญญาของสหรัฐฯ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความเป็นหุ้นส่วนอย่างทั่วถึงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยบอกว่าสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโจ ไบเดน ได้ประกาศยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรม ความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน พลังงานที่สะอาด และการต่อต้านคอร์รัปชั่น
โดยนางกมลา ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา พร้อมกับเรียกร้องให้ภาคเอกชนช่วยกันสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด พร้อมระบุว่า ประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก จะได้รับประโยชน์จาก กฎหมายว่าด้วยชิปส์และวิทยาศาสตร์ (US Chips and Science Act) และกฎหมายว่าด้วยการลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) เพราะความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ย่อมส่งผลดีต่อทั้งภูมิภาค
รองประธานาธิบดีแฮร์ริสกล่าวด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยึดมั่นในความพยายามที่จะเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และการเคลื่อนย้ายทุนอยางเสรี พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
สำหรับภาพรวมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ในวันนี้ เป็นการประชุมพบหน้ากันแบบเต็มรูปแบบครั้งแรกในรอบ 4 ปีของผู้นำเอเปค โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม มีผู้นำเขตเศรษฐกิจ เอเปคเข้าร่วมจำนวน 14 เขตเศรษฐกิจ และมีเขตเศรษฐกิจที่ส่งผู้แทนเข้าร่วม จำนวน 6 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก เปรู รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา
โดยการประชุมวันนี้ ( 18 พ.ย.)ให้ความสำคัญกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นหลัก โดยผู้นำได้หารือแนวทาง การใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ส่งเสริมความพยายามของเอเปคในการบรรลุวิสัยทัศน์ปุตราจายา 2040 ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดทิศทางของเอเปคต่อไปในอีก 20 ปีข้างหน้า