เปิดเบื้องลึก "มิ่งขวัญ" ร่วมงาน "บิ๊กป้อม" อยู่ใต้ปีก "พลังประชารัฐ"


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ปิดไมค์ถาม “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” เล่าเบื้องลึกร่วมทัพ “พลังประชารัฐ” เบื้องหลังที่มาบัญชี “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”

6 ธ.ค.2565 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดตัว “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยในเวลานั้นเขาถูกจับตามองในฐานะ “ทีมเศรษฐกิจ” ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนนโยบายหาเสียงของพรรค

แต่ที่สร้างความฮือฮาในวันนั้น “มิ่งขวัญ” อาจถูกเสนอชื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาอยู่ในบัญชี “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”

คอนเทนต์แนะนำ
"จตุพร" ปลุก "อุ๊งอิ๊งค์" อย่าเป็นร่างทรงของใคร ลั่น “ทักษิณ” เป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักประชาธิปไตย
เปิดจุดแข็ง อ่านจุดอ่อน "อุ๊งอิ๊งค์" จากมุม "ณัฐวุฒิ" ขุนพลข้างกายลูก "ทักษิณ"
"พุทธิพงษ์" นำทัพ "ภูมิใจไทย" ฝ่ามรสุม "ชูวิทย์" ชิงเก้าอี้ ส.ส.กทม.

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นชื่อของเขาหายเงียบไปนานกว่า 3 เดือน ท่ามกลางการจัดทัพของ พปชร. โดยเฉพาะการกลับมาทีมเศรษฐกิจเดิมอย่าง “อุตตม สาวนายน - สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์”

ก่อนหน้านี้ “มิ่งขวัญ” ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ปิดไมค์ถาม” ออกอากาศ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2566 ที่ PPTV HD ช่อง 36

เขาเล่าเบื้องลึกการตัดสินใจร่วมงานกับ พปชร. และที่มาการพูดถึงบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไว้อย่าน่าสนใจ

“มิ่งขวัญ” บอกว่า หลังลาออกจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ มีผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองเป็น 10 พรรคเข้ามาหาเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นรวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.

ท่านพูดสั้นๆ บอกว่า เศรษฐกิจประเทศไม่ไหวแล้ว คุณมิ่งขวัญก็เก่งเศรษฐกิจ เป็นคนอธิบายเรื่องยากๆ ให้ประชาชนเข้าใจง่าย มีต้นทุนทางการเมืองสูง ผมขอเชิญคุณมาช่วยหน่อย ให้มาดูแลเรื่องเศรษฐกิจ

 

ระบบการเลือกตั้งปี 2562 เสียง 75,000 คะแนนส่ง ส.ส. 1 คนเข้าสภา แต่ระบบการเลือกตั้งปี 2566 บัตรสองใบ อาจต้องใช้มากกว่า 380,000 คะแนน เป็นอุปสรรคสำคัญที่ “มิ่งขวัญ” ประเมินว่า ไม่สามารถลุยทำพรรคแบบเดิมได้อีกต่อไป

“ผมถาม พล.อ.ประวิตร ประเด็นหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่หรือไม่ คำตอบคือไม่อยู่ ผมก็บอกว่า เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญ เพราะผมไม่มีเงื่อนไขอะไร เงินทองบาทเดียวก็ไม่มี ไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ ยังอยู่ มันก็ประดักประเดิด เพราะการเลือกตั้งครั้งก่อนประกาศจุดยืนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์”

เขาเล่าถึงบทสนทากับ พล.อ.ประวิตร เกี่ยวกับที่มา การพูดถึงบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า มีการพูดคุยกับจริง แต่เข้าใจดีว่า สุดท้ายเป็นเรื่องจะต้องจบที่กรรมการบริหารพรรค

“ผมเลยถามท่านก่อนไปแถลงข่าวว่าจะให้บอกสถานภาพตัวเองอย่างไร เพราะผมไม่เป็นกรรมการบริหาร ไม่อยากแย่งตำแหน่งกับใคร ไม่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะมีคนอยู่หมดแล้ว ผมก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นมีทางเดียว ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ท่านก็บอกว่า แต่ต้องบรรจุในระเบียบวาระให้กรรมการบริหารพรรคเลือก ท่านก็ถามว่า ถ้าได้หรือไม่ได้ คุณมิ่งขวัญไม่ว่าอะไรใช่ไหม ผมก็บอกไปว่า ผมไม่ได้คิดอะไร”

ในทางปฏิบัติ พรรคนี้ท่านตั้งมา ท่านเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็คือท่าน จะมีอีกหนึ่งหรือสองคนก็แล้วแต่ท่าน

 

“กรรมการบริหารพรรค เขาขอเสนอ 1 คน ผมก็บอก่วา ก็ดี ก็แค่นั้น เฉยๆ ผมเฉยๆ ผมไม่รู้สึกอะไร ถ้าอยู่ใกล้ๆ พล.อ.ประวิตร ก็จะรู้ เพราะท่านเป็นคนที่อบอุ่น ใจดี พูดอะไรแล้วท่านก็ทำ”

เมื่อถามถึงจุดยืนที่ไม่เอา “บิ๊กตู่” แต่มาร่วมงานกับ “บิ๊กป้อม” หากสุดท้าย 2 ป.ต้องจับมือกันตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เขาถามกลับว่า “ไม่ทราบ” เพราะยังไม่มีใครรู้ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้กี่เสียง หรือ พรรคพลังประชารัฐ จะได้กี่เสียง ดังนั้นทุกอย่างเป็นเรื่องหลังทราบผลการเลือกตั้ง

คำตอบวันนี้คือ “ยังไม่รู้”

“อย่าลืมว่าผมไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค ผมเข็ดแล้วที่จะพูด เข็ดแล้วที่จะพูดอะไรบางสิ่งบางอย่าง ผมไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ถ้าเขาตัดสินใจ ผมก็จะถามตัวเองอีกทีว่าคิดอย่างไร”

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์


TOP การเมือง

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ