นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวถึง บทบาทของนายสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊งค์ หากอยากเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องแสดงตัวตนของตัวเองออกมา อย่าไปเป็นร่างทรงให้กับนายทักษิณ ชินวัตร วันนี้นางสาวแพทองธาร ต้องพิสูจน์ให้คนไทยได้เห็น ถึงศักยภาพของคนที่จะมาเป็นผู้นำประเทศฝ่ายบริหาร ดังนั้นในช่วงที่ยังสามารถแสดงความคิดเห็นได้ จึงต้องฉายศักยภาพออกมา
สภาพอากาศวันนี้! ไทยอากาศร้อน สูงสุด 38 องศา กับมีฝนตกเล็กน้อย
เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ ขู่สหรัฐฯ-เกาหลีใต้ก่อนซ้อมรบ
ที่ผ่านมาเคยดูการสัมภาษณ์ผ่านสื่อ จะเห็นว่าไม่สามารถสร้างศักยภาพของตนเองให้ประชาชนได้เห็น จึงเรียกร้องใช้โอกาสนี้ ฉายแววออกมา ว่าตนเองมีศักยภาพ มากกว่าการเป็นลูกอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร
“การเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ต้องมีพี่เลี้ยงตลอดระยะเวลา จะเห็นได้อย่างชัดเจน เวลาลงพื้นที่ขนาบซ้ายขวา สื่อมวลชนถามคุณอุ๊งอิ๊งค์ทำท่าจะตอบ พี่เลี้ยงก็ตัดบท ประกบ แล้วสัมภาษณ์เอง ทั้งซ้ายและขวาทำให้ความเป็นผู้นำก็สูญสิ้นตามลำดับ" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ยังมองว่า วันนี้นางสาวแพทองธาร ต้องยืนอย่างทะนงองค์อาจ นายกรัฐมนตรีไม่ใช่มีพี่เลี้ยงประกบ แต่ต้องมีศักยภาพ หรือมีที่ปรึกษาได้ และภาวะการนำ ต้องเป็นภาวะการนำอย่างชัดเจน เชื่อว่าคนไทยยังไม่ได้เห็นวิสัยทัศน์อย่างประจักษ์ ว่าจะฝากบ้านเมืองนี้ การปกครองนี้ หากเพียงจะรอแต่คำสั่ง หรือ เป็นเพียงร่างทรงทางการเมือง ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เคยเห็นแล้วว่าสุดท้ายเป็นเช่นไร
“เวลาที่เหลือนี้ก่อนการเลือกตั้ง คุณอุ๊งอิ๊งค์ต้องเสนอวิสัยทัศน์ ในเรื่องการบริหารราชการ เวลาถูกถาม คำถามเรื่องงบประมาณ คุณอุ๊งอิ๊งค์ก็ตอบแบบไม่รู้เรื่อง จนหมอชลน่านต้องมาอธิบายประกอบ เพราะว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มันต้องมีความรอบรู้ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ต้องรู้เรื่อง ระเบียบการปกครองราชการแผ่นดิน เพราะประเทศอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก การเป็นนายกฯ แค่ตามสคริปท์หรือเป็นเพียงแค่ผู้แสดงนั้น เราเองก็เห็นว่ามันไปไม่รอด พังพินาศย่อยยับมาแล้ว ท้ายที่สุดมันต้องสูญสิ้นประชาธิปไตยไปถึงเกือบร่วม 9 ปีมาแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องการผู้นำที่มีศักยภาพ” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ย้ำว่า วันนี้ตนไม่ได้บอกว่านางสาวแพทองธาร ไม่มีศักยภาพ เพียงแต่ว่า ยังไม่ได้ฉายศักยภาพในทุกมติ
ส่วนที่มีหลายฝ่ายตั้งคำถาม ว่านายเศรษฐา ทวีสิน จะถูกหลอกใช้งานหรือไม่ นายจตุพร วิเคราะห์ว่า นายเศรษฐา คงจะทำหน้าที่ช่วงที่นางสาวแพทองธาร ไปคลอดบุตร รวมทั้งให้นายเศรษฐา ไปช่วยออกรายการดีเบต ในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนตัวเชื่อว่านายเศรษฐา ก็คงทราบถึงเรื่องราวนี้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ ที่จะให้นายเศรษฐา เป็นเบอร์ 1 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เพราะนายทักษิณไม่มีทางไว้ใจบุคคลอื่น เพราะถึงอย่างไร นางสาวแพทองธาร ก็จะต้องเป็นหมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว
สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุด นายจตุพร ย้ำว่า การโดนตรวจสอบ นายเศรษฐา เป็นนักธุรกิจมาก่อน ยิ่งในอดีตนายเศรษฐา ยังเคยเป็นที่ปรึกษาสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงควรถูกตรวจสอบว่ามีผลประโยชน์หรือเกี่ยวข้องกับโครงการในสมัยนั้นหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
"วันนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีปัญหาเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เขามีปัญหาเรื่องความสุจริต และการแก้ไขปัญหาทางการเมือง ถ้าตีโจทย์เรื่องเศรษฐกิจแน่นนอน คุณก็ชนะทุกครั้ง และคุณก็ไปด้วยความไม่สุจริต และการตัดสินใจทางการเมือง ที่ผิดพลาดทุกครั้งเหมือนกัน" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ยังออกมาเตือนนายทักษิณ ที่ให้ลูกสาวมาลงเล่นการเมือง วันนี้ควรจะข้ามพ้นเรื่องส่วนตัว ควรจะคิดเรื่องประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชนเป็นหลัก ไม่เช่นนั้นประเทศจะกลับสู่วังวนเดิม คือ การปลุกผู้มีอำนาจ มายืดอำนาจเหมือนแต่ก่อน
"การเมืองนี้ไม่ใช่การสืบสันดาน สืบตามพันธุกรรม แต่ควรจะเป็นเรื่องของกระบวนการประชาชน สร้างให้ประชาชนเป็นใหญ่ แต่ไม่ใช่สร้างมาให้คนในครอบครัว เป็นลักษณะการสืบทอดตามสันดาน ตามภาษากฎหมาย มันจะไปแตกต่างอะไรกับการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ถ้าตราบใด ยังไม่นำพาครอบครัว พ้นจากกระดานประโยชน์ของชาติ และประชาชนในทางการเมืองนี้ นายกฯ ทักษิณ ก็จะได้รับชะตากรรมแบบนี้มาโดยตลอด ชนะในเกมการเลือกตั้ง แต่แพ้ในอำนาจกระดานมาตลอดระยะเวลา ไม่ใช่แค่นายทักษิณแพ้คนเดียว แต่พาประชาชนและประเทศชาติ ไปแพ้อย่างซ้ำซาก วันนี้ตัวนายทักษิณ ต้องเห็นแก่ชาติบ้านเมือง มากว่าเห็นตัวเอง และคนในตระกูลตัวเอง ผมไม่มีอะไรขั้นแย้งเป็นการส่วนตัว แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าสิ่งที่กำลังจะทำกันอยู่ จะนำพาไปติดกับใหม่ พาประเทศไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์อันนี้ได้ เพราะตัวสำคัญคือนายทักษิณ ไม่เคยเปลี่ยนตัวเอง หมากก็หมากแบบเดิม เมื่อหมากแบบเดิม ต้องการได้อำนาจแบบเดิมๆ ท้ายที่สุดก็จะสูญสิ้นทุกอย่าง ที่สำคัญความเสียหายของชาติไม่ควรเกิดขึ้นแล้ว ความเป็นจริงถ้าไม่ยุ่งเกี่ยวใดๆ ทางการเมือง ปล่อยให้ประชาชนเดินไม่เอาครอบครัวมาเป็นหลัก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีวันจะกลับมาได้ แต่เมื่อเอาในครอบครัวตัวเองมาเป็นหลัก และเท่ากับว่าไปปลุกพล.อ.ประยุทธ์ พาประเทศเข้าสู่มุมอับใหม่ ผมคาดหวังว่านายทักษิณ จะคิดได้แต่เป็นเรื่องที่ยาก เพราะท่านไม่เคยคิดไกลกว่าตัวเอง ไกลกว่าครอบครัว ถ้าท่านคิดไกลกว่าตัวเอง คิดไกลกว่าครอบครัว ถ้าท่านคิดถึงประเทศเป็นหลัก วันนี้ท่านจะไม่มีชะตากรรมเป็นเช่นนี้" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ยังมองอีกว่า นายทักษิณ ไม่ใช่นักต่อสู้ทางประชาธิปไตย แต่เป็นเพียงพ่อค้า ที่จะเอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตน
“ขาดแค่ 1 ปี ผมกับนายกฯทักษิณ จะรู้จักกันครบ 30 ปี ยาวนานมากเกินกว่าครึ่งชีวิต ธาตุแท้ท่านนายกฯทักษิณ ท่านไม่ใช่นักต่อสู้ ไม่ใช่นักประชาธิปไตย ท่านคือพ่อค้า และพ่อค้าคือตัวตนของท่านอย่างแท้จริง ในวันที่ท่านต้องการอำนาจ และประโยชน์ ทุกคนที่ร่วมสู้กันมา ทักษิณจะไม่ฟัง ทักษิณจะเอาแต่ผลประโยชน์ ” นายจตุพร กล่าว
โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศทหารชั้นนายพล 207 นาย
โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระยศทหาร พลตรีหญิงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณรีฯ