วันที่ 1 มิถุนายน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความในเซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า รอยต่อแห่งอำนาจ เมื่อ “นายกฯ ตู่” ถึงวันหมดอำนาจ (เสียที) การ Handover มอบหมายงาน นับเป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติบ้านเมือง
แต่ยังเที่ยวไปห้ามข้าราชการ หน่วยงานรัฐ ไม่ให้พบปะมอบข้อมูลกับพรรคก้าวไกล เพราะเห็นว่ายังไม่ได้เป็นรัฐบาล ไม่เหมาะสม ไม่ควรกระทำ นายกฯ ตู่ยังอยู่กับรัฐบาลปัจจุบัน ทำท่าทางเหมือนเป็นเจ้าของอำนาจ ไม่มีการยอมรับความพ่ายแพ้แม้สักคำหลุดออกจากปากให้ได้ยิน
“พิธา” เมิน “ธนกร” ยกประยุทธ์เป็นแบบอย่างการเป็นนายกฯ ชี้นายกฯ ประชาชนต้องมาก่อน
“ธนกร” แนะ “พิธา” หากจะเป็นนายกฯที่ดี ให้ยึด “ประยุทธ์” เป็นแบบอย่าง
เลือกตั้ง 2566 : หาความหมาย? “รัฐบาลแห่งชาติ” ในวังวนการเมืองไทย
ประเทศอื่นที่อดีตผู้นำแพ้ จะออกมาแสดงความยินดีกับฝั่งตรงข้าม และพร้อมสนับสนุนให้นำพาชาติบ้านเมืองรุ่งเรืองต่อไปบทบาทนี้ไม่เคยได้เห็นจากนายกฯ ตู่ ที่อยู่ติดเก้าอี้เหนียวหนึบมา 9 ปี ติดอันดับนายกฯ อยู่นาน (และน่าเบื่อ) ที่สุดของประเทศไทย
แถมยังบอก “MOU ที่เซ็นกันไป ขอให้ทำได้ก็แล้วกัน” ออกแนวประชดประชันเหยียดหยาม ยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลไม่รู้ตัวว่าพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ต้องพอ และให้โอกาสคนรุ่นต่อไปได้ทำงาน สิ่งไหนที่ยุคนี้ไม่เคยทำ ยุคหน้าเขาจะทำก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง
ปล่อยวางทำใจเสียบ้าง อย่าให้เหมือน ส.ว. หลงยุค คิดจะเอา “รัฐบาลแห่งชาติ” มาบังหน้า ให้คนเขาต่อว่ากระสันสืบทอดอำนาจ คนเก่าถึงเวลาต้องไป คนใหม่ต้องมา อย่าไปหวงก้างเอาไว้ ช่วยให้ “รอยต่อของอำนาจ” ผ่านมือไปสู่คนรุ่นใหม่ จะดีไม่ดีไม่รู้ แต่ประชาชนเขาเลือกมาแล้ว
นายกฯ ตู่ต้องถอย ไม่ใช่ออกอาการเป็นเจ้าของสัมปทาน “รัฐบาล” ดื้อดึงจะต่อสัญญาไม่รู้จักพอ คงอยู่ในอำนาจมานานจนชิน ถึงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เมื่อเพื่อไทยออกปากสนับสนุนแล้ว “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
จับตาดูไว้ “รอยต่อของอำนาจ” แค่ก้าวไกลเดินสายเชื่อมต่อข้าราชการ ยังรีบบอก “อย่าล้ำเส้น” หากจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยได้สำเร็จ มีหวังคนแก่ได้อกแตกตาย