แถลงนโยบายรัฐบาล : "ชัยธวัช" ซัด "ครม.เศรษฐา" เป็นส่วนต่อขยาย "รัฐบาลประยุทธ์"

โดย PPTV Online

เผยแพร่

“ชัยธวัช” ฟังแถลง ครม.เศรษฐา เหมือน “รัฐบาลประยุทธ์ 3” ถามหายกเลิกเกณฑ์ทหารยังมีอยู่หรือไม่ สรุปสั้นๆ นโยบายกองทัพ เหมือนเขตทหารห้ามเข้า ไม่แตะ ไม่ปฏิรูป เว้นแต่จะได้รับอนุญาต

เมื่อเวลา 18.45 น. นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล อภิปรายนโยบายด้านการเมือง โดยสรุปรัฐบาล เศรษฐา 1 ว่าเป็นส่วนต่อขยายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

นายชัยธวัช กล่าวว่า สภาพบ้านเมืองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกว่าดีขึ้น หลายคนอาจหวังว่ามีรัฐบาลใหม่ อะไรๆ จะดีขึ้น แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่ง คือผลพวงของปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นตลอดเกือบ 2 ทศวรรษ

ครม.เศรษฐา แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันแรก 11 ก.ย. 2566

ครม.เศรษฐา แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่สอง 12 ก.ย. 2566

คำแถลงนโยบายด้านการเมืองของรัฐบาล มองว่ามีปัญหาทั่วไปเหมือนนโยบายด้านอื่น คือ กว้าง ไม่ชัดเจน ไม่มีรูปธรรม หรือตัวชี้วัดที่ชัดเจน แต่มีแง่มุมที่น่าสนใจ คือเมื่อประกอบกับนโยบายด้านอื่นๆ ได้สะท้อนให้เห็นรากฐานทางการเมืองและความสัมพันธ์ทางอำนาจของรัฐบาลชุดนี้

เมื่อไล่อ่านรายละเอียด พบว่าวางเป้าหมายมุ่งมั่นสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทยรัฐบาลจะทำอะไรบ้าง พบว่ามี 7 หัวข้อ ดังนี้ 

1.พิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ทุกรัฐบาลต้องทำ แต่สงสัยว่า การที่นายกรัฐมนตรี หยิบยกเรื่องนี้เป็นประเด็นแรก รัฐบาลกำลังส่งสัญญาณอะไร ขณะที่ความเป็นจริงอีกด้านที่ไม่ถูกกล่าวถึงเลย คือ ที่ผ่านมากว่า 10 ปี เราเผชิญปัญหาการนำสถาบันมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง เรื่องนี้ไม่มีการพูดถึงเลย 

“นี่ถ้าผมปิดตาฟังว่าย่อหน้าแรกรัฐบาลจะทำอะไร ผมนึกว่าเป็นคำแถลงของรัฐบาลประยุทธ์ 3”

2.เรื่องรัฐธรรมนูญ รัฐบาลบอกว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนสุดท้าย สงสัยว่า ที่เคยบอกว่าในการประชุม ครม. นัดแรก จะมีการพิจารณาให้มีการจัดทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งนั้นยังมีอยู่หรือไม่

3.ฟื้นฟูหลักนิติธรรม อ่านแล้วยังไม่เข้าใจว่ารัฐบาลจะทำอะไร ไม่มีการพูดถึงประชาชนเป็นเป้าหมายในการฟื้นฟูหลักนิติธรรมสักคำเดียว ตกลงหลักนิติธรรมเป็นไปเพื่อสร้างความชอบธรรมให้การปกครองอย่างนั้นหรือไม่ ไม่มีการพูดเรื่องความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย

4.กระจายอำนาจ บอกว่ารัฐบาลจะใช้การบริหารในรูปแบบของการกระจายอำนาจ หรือ ผู้ว่าฯ CEO สร้างประสิทธิภาพในการบริหารงานในแต่ละจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ยังไม่เห็นความชัดเจนว่าจะมีมาตรการในการเพิ่มอำนาจ เพิ่มงบประมาณ เพิ่มบุคลากรและทรัพยากรต่างๆ ให้ อปท. เลย

5.ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด ซึ่งเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างยิ่ง 

6.ผลักดันกฎหมายที่สนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ สนับสนุนความร่วมมือกันระหว่างรัฐกับประชาชน ประชาชนกับประชาชนที่มีความแตกต่างทางความคิด ศาสนา และอุดมการณ์ เรื่องนี้ดูสับสนมาก เหมือนเอาหลายเรื่องมายำกัน โดยไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลจะทำอะไรกันแน่ เป้าหมายคืออะไร

7.พัฒนากองทัพ นโยบายเกี่ยวกับกองทัพสำคัญมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาเรื่องรัฐประหารยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย กองทัพกลายเป็น กระดูกสันหลังของระบอบอำนาจนิยมไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้ 

ดังนั้น การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่แก้ความสัมพันธ์ระหว่างพลเรือนกับทหาร การมี รมว.กลาโหม คนแรกเป็นพลเรือน และไม่ใช่นายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องน่าสนใจ นี่หมายความว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคสมัยที่พลเรือนอยู่เหนือกองทัพ ใช่หรือไม่ หรือเอาเข้าจริง จะเป็นการส่งสัญญาณจากรัฐบาลใหม่ว่ารัฐบาลพลเรือนชุดนี้จะไม่ยุ่งไม่แตะกองทัพ 

นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนแถลงนโยบายของรัฐบาล ความมุ่งมั่นชัดเจนของแกนนำรัฐบาลกลับหายไป จากปฏิรูปกองทัพเปลี่ยนเป็นร่วมกันพัฒนากองทัพ จากบอกว่าเสนอกฎหมายป้องกันและต่อต้านการรัฐประหาร หายไปเลย ไม่มีแม้แต่จะพูดถึงคำว่ารัฐประหารสักคำ 

“หรือคำว่ารัฐประหารมันแสลงใจมากจนพูดถึงไม่ได้ หรือนายกฯ เศรษฐา และรัฐบาลชุดนี้ เกรงใจ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีมากขนาดนั้นเลยหรือ”

นายชัยธวัช กล่าวต่อด้วยว่า ที่เคยบอกว่า จะแก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหารให้เข้ารับราชการทหารโดยสมัครใจ ดูแล้วช่างคลุมเครือ ไม่ชัดเจน ก่อนหน้านี้ รมว.กลาโหมคนใหม่ บอกว่าจะค่อย ๆ ลดสัดส่วนการบังคับเกณฑ์ทหาร แล้วเพิ่มสัดส่วนคนที่สมัครใจมาเป็นทหารเกณฑ์ แต่ในคำแถลงนโยบายรัฐบาลบอกว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ และปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารฯ ตกลง รัฐบาลจะเอาอย่าไงร จะไม่มีการยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่ 

“รมว.กลาโหมตอบได้หรือไม่ว่า ทำไมเราถึงต้องการกำลังพลทหารประจำการถึงปีละ 180,000-200,000 นาย ไปเตรียมกำลังรบภาคพื้นดินขนานใหญ่กับใคร”

นายชัยธวัช กล่าวอีกด้วยว่า เมื่อฟังการแถลงนโยบายกองทัพของรัฐบาลแล้ว อยากจะสรุปสั้นๆ ว่านี่ไม่ใช่นโยบายการพัฒนากองทัพร่วมกัน ไม่แม้แต่การปฏิรูป แต่นี่คือนโยบายเขตทหารห้ามเข้า หมายความว่าการปฏิรูปกองทัพโดยรัฐบาลพลเรือนจะไม่เกิดขึ้น นอกจากสิ่งที่กองทัพออกแบบเองและอนุญาตให้ทำ

 

ประกาศแจ้งจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด "เข้าบัญชี 18 ก.ย.2566" แน่นอน

ส่อง “ร้านอาหารเกาหลีเหนือ” ในต่างประเทศ ไม่มีลูกค้าแต่เงินสะพัด

ส่องสีใหม่ "iPhone 15" และ "iPhone 15 Pro" ก่อนเปิดตัวกันยายนนี้

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ