วันนี้ 25 มี.ค. 2567 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาญัตติด่วน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 153
โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.แถลงเปิดอภิปราย ว่า การอภิปรายครั้งนี้ เหมือนเป็นการล้มรัฐบาล เป็นการที่ทำให้รัฐบาลเสียหาย
แต่ตนต้องขอกราบเรียนว่าความคิดเหล่านี้เป็นความคิดที่ผิด จึงทำให้ในทางการเมืองเอง ไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะยื่นขอเปิดอภิปราย เพราะเกรงว่าจะกระทบกับพวกตัวเอง คนมีอำนาจ ทำให้การทำงานเกิดขึ้นได้ยาก
“กว่าจะได้สมาชิกลงชื่อถึง 90 คน ไม่ใช่เรื่องง่าย ฝ่ายรัฐบาลเองก็ออกมาบอกว่าลงชื่อไม่ครบไม่มีใครอภิปราย กลายเป็นเหมือนยาหม้อดำ ที่ไม่อยากให้พูดถึง เพราะฉะนั้น สิ่งที่วุฒิสภาชุดนี้ เสนอญัตติต่อท่านประธาน เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีมาพูดคุยกันในสภาแห่งนี้ เป็นการแก้ปัญหาของประเทศ ไม่มีเจตนา ไม่มีอคติ ไม่มีการที่จะพูดให้เกิดความเสียหาย ถ้าเกิดรัฐบาลคิดได้ดังนี้ การเปิดอภิปรายครั้งนี้ก็คงที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว ฉับพลัน เข้าเป็นเรื่องปัญหาของการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ผมต้องกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี ว่าการคิดแบบนี้เป็นการคิดผิด การอภิปรายนี้เป็นการทำให้การทำงานของวุฒิสภาเองที่ทำตามรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้อภิปรายแบบนี้ปีละ 1 ครั้ง ผมจะขอทักท้วงว่าต้องรีบเปิดประชุม รีบมาฟัง” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลใช้เวลาเกือบ 2 เดือน กว่าจะกำหนดเวลาให้ แล้วกำหนดแค่วันเดียวด้วย แสดงให้เห็นความจริงใจของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหานั้นมีมากน้อยแค่ไหน เมื่อไหร่ที่ขอเปิดอภิปรายทั่วไป อย่ามองในแง่ร้าย ให้มองเป็นประโยชน์ในการทำงาน
“นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง ก็ยังเอาเวลาไปเชียงใหม่ ไปกินอาหาร ทั้งที่ฝุ่นเต็มเมือง ผมก็ยอมรับว่าเป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ท่านใช้เวลาเหล่านี้ ไม่ให้ความสำคัญกับการที่จะมารับฟังว่าประเทศมีปัญหาอะไร” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวอีกว่า การกระทำของนายกฯ ทำให้พรรคฝ่ายค้านออกไปแสดงบทบาทชิงตัดหน้า ออกไปตรวจดูไฟไหม้ป่าต่างๆ สิ่งเหล่านี้สำคัญ เป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องรับฟัง แต่กลับไปทำเรื่องอื่นที่สำคัญน้อยกว่า ก่อนหน้า ตนเป็นห่วงว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่ไม่ถึงวันที่ 25 มี.ค. นี้ แต่สิ่งที่ภาวนานั้นเป็นผล นายกรัฐมนตรีมาประชุมร่วมกันกับ สว. ถือว่าเป็นประโยชน์
สาเหตุที่เปิดอภิปราย ตนขอออกตัวว่า สว.ชุดนี้ แม้ว่าจะมาจากการแต่งตั้งแต่ก็มาจากระบบ และเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ สว.ในห้องนี้ เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ พบปัญหาบ้านเมืองมากมาย เขาจัดทำรายงานเสนอรัฐบาล แล้วรัฐบาลได้หยิบยกประเด็นปัญหาของรายงานที่วุฒิสภาได้จัดทำมาพิจารณาบ้างหรือไม่
สิ่งแรกที่นึกถึงตอนขอเปิดอภิปราย คือเรื่องการหาเสียงของพรรคการเมืองแต่ละพรรค มีคนสงสัยว่าทำไมเปิดรัฐบาลนี้ รัฐบาลก่อนไม่เปิด ตนต้องกราบเรียนว่าตนอยากให้เปิดปีละครั้งทุกปี แต่มาตกผลึกในสมัยรัฐบาลเศรษฐา ย้ำว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน สว. ต้องการให้รัฐบาลที่มั่นคง มีเสถียรภาพ
นายเสรี ระบุว่า กฎหมายงบประมาณไม่ออก ทำนโยบายไม่ได้ กลายเป็นข้อแก้ตัวไป การบริหารราชการแผ่นดินมันไม่หยุด ยังสามารถใช้งบพลางก่อนได้ นอกจากนี้ยังมีงบกลางที่ยังสามารถแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี
ซึ่งนโยบายแจกเงินดิจิทัล ก็ติดข้อกฎหมาย องค์กรต่างๆทักท้วง ว่าทำไมไม่แจกเงินสด เนื่องจากการแจกเงินดิจิทัลส่อทุจริตได้ง่าย ตนขอถามรัฐมนตรีทุกท่าน ถ้าแจกเงิน 10,000 บาทไปแล้ว ถ้าเขาสามารถใช้เงินดังกล่าวได้ ไม่ถึงเดือนก็หมด แต่เงินที่ท่านบอกว่าจะต้องไปก่อหนี้กู้มาเพื่อใช้จ่าย 5 แสนกว่าล้าน มันไม่กระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ท่านต้องการ ได้แต่กลายเป็นกระตุ้นความลำบาก ความยากจนให้กับพี่น้องประชาชนมากเพิ่มขึ้น
“การใช้เงินไม่ใช่ปัญหา แต่ สว. อยากเสนอว่าทำอย่างไรให้คนมีกิน ท่านลองเปิดโรงทาน โรงอาหาร ทุกวัด ทุกมัสยิด ให้คนไม่มีกิน ไม่มีช่องทางรายได้เข้าไปกิน เขาก็จะมีกินทุกมื้อ คนรวยก็จะไปทำบุญ และเป็นการต่อเงิน” นายเสรี กล่าว
นายเสรี ยังโจมตีถึง การแก้ปัญหาแแบบจัดอีเวนต์ ตนดูข่าว ไปทำแถลงข่าวที่ห้าง แล้วคนจนได้ประโยชน์หรือไม่ หรือจะแก้ปัญหาปาดท้อง ก็ต้องดูว่าทำอย่างไรให้มีรายได้มั่นคง ยั่งยืน
“ไม่ใช่ว่าท่านนายกฯไปต่างประเทศ แล้วทำตัวเป็นเซลล์แมน จริงๆเซลล์แมนไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แต่ถ้านายกใหม่ต้องไปแบบ CEO ผู้บริหารระดับสูง ส่วนเซลล์แมนให้ท่านภูมิธรรม อันนี้มันกลับหัวกลับหางกันไปหมด ไปๆมาๆ รัฐมนตรีหลายท่านก็ออกมาเชียร์กันยกใหญ่ ก็เชียร์กันไป แต่ผลที่ออกมาไม่ได้ประโยชน์ ในภาพรวมอย่างเต็มที่” นายเสรีกล่าว
นายเสรี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีแต่แถลงไว้เป็นรูปธรรม ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อย่างเรื่องแก้หนี้นอกระบบ ลองไปถามตำรวจว่าแก้ได้กี่คน เพราะเจ้าหนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพล นอกจากนี้ยังมีเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่เป็นเรื่องใหญ่ ที่ตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องสร้างมาตรฐานมาตรการของการที่จะให้พี่น้องประชาชนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรมด้วยกัน
แต่ปรากฏว่าผลงานดีเด่นของรัฐบาลที่ทำอยู่มีความชัดเจน มันมีความโดดเด่น สามารถทำให้ประสบความสำเร็จ ผมดูแล้วด้วยความเคารพ มีอยู่เรื่องเดียว เรื่องช่วยคนทำผิด ยังไม่ต้องรับโทษ ให้หน่วยงานกรมราชทัณฑ์ มีการออกระเบียบหลายฉบับ เพื่อคนไม่ให้รับโทษ แม้กระทั่งศาลพิพากษามาแล้ว แต่กรมราชทัณฑ์เองกลับไปออกระเบียบ เอื้อประโยชน์ต่อบางคน ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย อันนี้โดดเด่น เป็นผลงานรัฐบาล เป็นผลงานนายกฯ แต่กระบวนการยุติธรรมเสียหาย ใครๆ ก็ไม่อยากติดคุก ผมเข้าใจ แต่เราต้องใช้กระบวนการที่เป็นธรรมที่ถูกต้อง ถ้านายกฯ บอกว่าเป็นการทำตามกฏหมาย แต่กฎหมายที่เอามาใช้ออกมาแล้วออกมาแล้ว เหมาะสมหรือไม่” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวว่า ออกกฎหมายกันเอง แล้วบอกว่าปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนั้น จึงต้องทักท้วงว่าเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ กลายเป็นทำเพราะอำนาจ ทำเพราะความยิ่งใหญ่ว่ากลับมาประเทศไม่ติดคุกสักวันเดียว
“ผมภาวนาให้ท่านนายกฯ อยู่ครบ 4 ปี ไม่ใช่ว่าจะเป็นข่าวถูกเปลี่ยนทุกวัน ทุกวี่ทุกวัน ถูกเลื่อยขาเก้าอี้ทุกวัน ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ด้วยความเคารพ” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวอีกว่า ไปทุกวันประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เพราะการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมไม่ถูกต้อง จับบ่อนใหญ่ที่สุดที่บางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งการตั้งบ่อนตั้งปลุกตำรวจต้องรู้แล้ว แต่กลับปล่อยให้ทำมาหากินมีรายได้ แล้วไปไล่จับ ตนถามว่าเปิดขนาดนี้ ตำรวจไม่รู้เหรอ เหมือนยาเสพติด ตำรวจรู้ว่าขายที่ไหน แต่นายกฯ ปล่อยปะละเลยให้เรื่องเหล่านี้มันเกิดขึ้น เท่ากับคนที่ทำ ก็รู้เห็นเป็นใจ เล่นละครไปจับ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ ที่จริงต้องปรับปรุง แต่กลับตั้งข้อสังเกตว่ามาจากรัฐประหาร ตนขอย้ำว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ต้องเอาไปใช้ ไม่ใช่ตั้งแง่รังเกียจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่นายเสรีอภิปรายนั้น ช่วงที่กล่าวถึงการเดินทางไปต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีแอบอมยิ้มหลายครั้ง ก่อนที่จะลุกออกไป และกลับมาชี้แจง หลังจากนายเสรีแถลงเปิดอภิปราย
สำหรับการประชุมในวันนี้มี สว. ลงชื่ออภิปรายจำนวน 27 คน กรอบเวลา 11 ชั่วโมง 20 นาที คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเวลา 24.00 น. ภายใต้ปัญหาสังคม 7 ด้าน ได้แก่ 1. ปัญหาด้านเศรษฐกิจ 2.ปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย 3.ปัญหาด้านพลังงาน 4.ปัญหาด้านการศึกษาและสังคม 5.ปัญหาด้านการต่างประเทศและท่องเที่ยว 6.ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 7.ปัญหาการปฏิรูปประเทศ และการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
ราคาทองวันนี้ (25 มี.ค.2567) เปิดตลาด "ขึ้น 50 บาท" จากสุดสัปดาห์
กางปฏิทิน เงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างประจำ จ่าย 2 รอบ ปี 2567