การขยับทางการเมืองในช่วงเวลานี้ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย แน่นอนว่าต้องเป็นกรณีของ นายวัน และ นายเฉลิม อยู่บำรุง ที่ด้านนายวันคอนเฟิร์มแล้วว่าย้ายซบพรรคพลังประชารัฐแน่นอนแล้ว ส่วนนายเฉลิมในทางปฏิบัติยังไม่สามารถไปได้ ด้วยเหตุผลทางจริยธรรมของพรรคเพื่อไทย ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าต่อไปจะสามารถเดินออกจากพรรคได้หรือไม่ หรือพรรคเพื่อไทยจะมีปัญหากับพรรคอื่น ๆ หรือไม่อย่างไร
นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี และ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ร่วมพูดคุยในประเด็นนี้กับ PPTV ในรายการเข้มข่าวเย็น ช่วงคุยข้ามช็อต Exclusive Talk ไว้อย่างน่าสนใจ
มั่นใจ "เฉลิม" ดีล "บิ๊กป้อม" ดึง "วัน" ซบพลังประชารัฐ
นายไพศาล กล่าวว่า นายเฉลิม กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สนิทกันมานานแล้ว ตนเชื่อว่าที่ นายวัน ย้ายซบพรรคพลังประชารัฐ เป็นเพราะนายเฉลิมติดต่อไปหา พล.อ.ประวิตร ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นสัญญาณของการย้ายค่ายในครั้งนี้ โดยสัญญาณแรกคือเมื่อราว 4 เดือนก่อน ที่นายทักษิณออกมาเคลื่อนไหวบางอย่าง ถึงขั้นที่นายเฉลิมตัดสินใจตัดญาติขาดมิตรกัน แต่ครั้งนั้นกลับมาดีกันได้เนื่องจาก "คุณหญิงสำนักจันทร์ส่องหล้า" ใกล่เกลี่ยให้
แต่พอมาในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ "อุ๊งอิ๊งค์" ลูกสาวของนายทักษิณ มาเป็นตัวแสดงท่าทีดังกล่าว ทำให้ทางทีมบ้านริมคลองมองว่า การที่ อุ๊งอิ๊งค์ ออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นคำสั่งของนายทักษิณ จึงเป็นเหตุให้นายวันทนไม่ไหว ออกมาประกาศออกจากพรรคเพื่อไทย แม้แต่นายเฉลิมเองก็อยากออกจากพรรคด้วยเช่นกัน และคาดว่าทั้งตระกูลอยู่บำรุงก็คงจะออกหมด
ส่วนสาเหตุที่ตระกูลอยู่บำรุงเลือกไปซบพรรคพลังประชารัฐ คือ นายเฉลิมเป็นคนเก่า และคบใครก็คบจริง คบยาวนาน ซึ่งตนคาดว่า นายเฉลิมได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่ที่โดนรอบแรก กรณีนายทักษิณออกมาบอกว่า "กวนโอ๊ยทั้งพ่อทั้งลูก" แล้ว เพราะฉะนั้นครั้งนี้ นายวัน จึงย้ายออกทันที ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าสมาชิกบ้านริมคลองทุกคนย้ายซบพรรคพลังประชารัฐแล้ว
นายไพศาล กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าการย้ายค่ายครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เป็นคนชวน แต่น่าจะเป็นนายเฉลิมติดต่อไปมากกว่า เพราะนายเฉลิมเป็นคนที่แคล่วคล่องว่องไว ไม่มีพิธีรีตอง
นายไพศาล คาดว่า ถ้านายเฉลิมและนายวันเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ อย่างน้อยจะทำให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เป็นพรรคที่ไร้น้ำยา เหมือนที่คนบางพวกกำลังทำให้เห็น คนกลุ่มนี้มีมิตรไมตรีเก่าแก่ รวมถึงเป็นการส่งสัญญาณถึงนายทักษิณ รวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วยว่า "อั๊วก็ไม่แคร์ลื้อ" ถ้าอยากมาอยู่ด้วย พล.อ.ประวิตร ก็รับได้
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอาจเสียภาวะแกนนำ หากยังยื้อ "เฉลิม"
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตนมองว่าถ้าพูดถึงความยาวนานของ นายเฉลิม กับ พล.อ.ประวิตร ต้องเรียกว่าไม่ธรรมดา เพราะรู้จักกันมานานกว่า 30 ปี แต่จากการสัมผัสกับนายเฉลิมขณะที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย สามารถเห็นได้ชัดเจนว่า ไม่พอใจที่จะอยู่ในพรรค มีปัญหามากจริง ๆ แต่ตนก็เชื่อว่า "เสือก็คือเสือ" ขณะเดียวกัน นายเฉลิมมีมุมมองทางการเมืองที่คงไม่ได้ดูเฉพาะตนเอง แต่ดูทั้งลูกทั้งหลานด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ข้างหน้าต่อไป เพราะนายเฉลิมอยู่ในจุดยืนที่ว่า ช่วยขับตนออกจากพรรคหน่อย การจะให้ตนมาลาออกคงเป็นไปไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็เริ่มเปลี่ยนท่าที สื่อนโยบายออกมาว่าจะอย่างไร พรรคเพื่อไทยก็ไม่ขับ ซึ่งนโยบายนี้อาจไม่เป็นจริงก็ได้ เพราะถ้านายเฉลิมขับเคลื่อนไป แล้วไปขัดกับมติพรรคเรื่อย ๆ สุดท้ายก็จะไปเสียภาวะแกนนำของหัวหน้าพรรค
ซึ่งก่อนหน้านี้ที่นายเฉลิมไม่เห็นด้วยกับมติพรรคในหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องไม่ยกมือตามมติให้นายเศรษฐา ไปจนถึงเรื่องมติเงินดิจิทัล พรรคเพื่อไทยสามารถใช้ข้ออ้างดังกล่าวว่าไม่ปฏิบัติตามมติพรรค เพื่อขับนายเฉลิมออกจากพรรคได้ แต่ด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ทำให้พรรคเพื่อไทยเริ่มสูญเสียภาวะแกนนำ
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตนเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายเฉลิมกับ พล.อ.ประวิตร ยังมีกันอยู่ แต่จะย้ายซบพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ต้องรอติดตามกันต่อไป
ยื้อ "เฉลิม" เป็นผลเสียมากกว่าผลดี ชี้ มีเพียง 2 ทางเลือก
นายไพศาล กล่าวว่า กรณีพรรคเพื่อไทยกับนายเฉลิมเป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย เพราะเมื่อเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แล้วถ้ายังไม่ถูกขับออก จะยังไม่ถือว่าหมดสมาชิกภาพ เพราฉะนั้นถ้านายเฉลิมจะออกจากพรรคเพื่อไทยได้ จำเป็นต้องถูกขับออกจากพรรคอย่างเดียว ซึ่งมีอยู่ 2 ทางเลือก ไม่ขอร้องดี ๆ ก็กวนพรรคเพื่อไทยกลับ แต่ใจของนายเฉลิมไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ พล.ท.ภราดร มองว่า หากนายเฉลิมปฏิบัติขัดกับมติพรรคไปเรื่อย ๆ สุดท้ายจะส่งผลเสียต่อพรรค ซึ่งในมุมของตนมองว่าพรรคเพื่อไทยสมควรให้นายเฉลิมออกจากพรรค จากกันไปแล้วไมตรีจิตยังอยู่ ดีกว่าอยู่แล้วรู้สึกอึดอัด มาเก้ ๆ กัง ๆ แล้วก็มาดิสเครดิตกัน แต่ถ้าให้นายเฉลิมออกแล้วหลังจากนี้จะไปอยู่พรรคร่วมรัฐบาลหรืออย่างไรต่อ ก็ยังคงมีไมตรีจิตที่ดีต่อกันอยู่
พล.ท.ภราดร เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยอาจเจอกลยุทธ์ของนายเฉลิมนาน ๆ เข้า ก็ตัดสินใจขับออกจากพรรคอยู่ดี ส่วนพรรคเพื่อไทยจะง้อไม่ง้อ นายเฉลิมก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว สนใจอย่างเดียวว่าช่วยเอาตนออกจากพรรคก็พอ แล้วเดี๋ยวจะแสดงศักยภาพให้เห็นว่า ตนไม่ธรรมดา
นายไพศาล กล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทยไม่ให้นายเฉลิมออกจากพรรค ถือว่าเป็นการแกล้งกันทางการเมือง ทำให้นายเฉลิมเดินหน้าไปไม่ได้ อยู่ในพรรคเพื่อไทยต่อก็ไม่มีความเจริญเติบโต อยู่ท่ามกลางความพะอืดพะอม ไม่สามารถมองหน้าใครในพรรคได้ แต่คนที่ไม่อยากให้ขับ ตนเชื่อว่าเป็น "คุณหญิง" เพราะเป็นคนประณีประณอมและอยากรักษาคน แต่อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าการขับนายเฉลิมออกจากพรรค เป็นผลดีกว่าการไม่ขับ ซึ่งจะทำให้เกิดผลทางลบมากขึ้นเรื่อย ๆ