จากกรณีมีรายงานว่าที่ประชุม กกต. ยังไม่ได้มีการพิจารณารายงานผลการตรวจสอบที่ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. ที่ถูกร้องกรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณ กรณีแจ้งว่าจบการศึกษาจาก california university ในการยื่นสมัคร สว.
โดยให้เหตุผลว่า ก่อนการพิจารณา กกต.ได้มีการสอบถามกับทางสำนักงานฯ และพบว่ายังมีสำนวนการสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับ พ.ญ.เกศกมล 2-3 สำนวน โดยเป็นการร้องเกี่ยวกับเรื่องการฮั้วเลือก สว. ที่สำนักงานฯ ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จค้างอยู่
ซึ่งโดยปกติการพิจารณาสำนวนการทุจริตการเลือกตั้ง สส. หรือการเลือก สว. หากผู้ถูกร้อง ถูกร้องหลายเรื่องหลายสำนวน กกต.จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จทุกสำนวน แล้วเสนอต่อที่ประชุม กกต. ในคราวเดียวเพื่อให้การดำเนินการก็จะเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
ดังนั้นในกรณี พ.ญ.เกศกมล ที่ประชุม กกต. จึงให้ทางสำนักงานฯ เร่งสอบสวนประเด็นเรื่องการฮั้วเลือก สว. ให้แล้วเสร็จและเสนอให้ กกต. พิจารณาภายในสิ้นเดือนนี้
5 แหล่งวิตามินปราการผิว ช่วยบำรุงลดรอยด่างดำ เหี่ยวย่นช่วยชะลอวัย
อย่างไรก็ตามหากดูสำนวนของหมอเกศที่อยู่ในมือกกต. พบว่าแบ่งให้เป็น 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ
1.เรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติเฉพาะตัวของหมอเกศ ปมวุฒิการศึกษาปลอม ซึ่งเรื่องนี้กกต.สอบหมอเกศคนเดียว เมื่อสอบคนเดียวก็เท่ากับว่า อาจใช้เวลาไม่นาน และ
2. โยงกับการฮั้วเลือก สว.ที่มี สว.อีกหลายคนเกี่ยวข้อง สอบสว.หลายคนเท่ากับต้องใช้เวลาสอบนาน
แต่การที่ กกต.นำ2เรื่องมารวมสอบทีเดียว เพราะฉะนั้นการสอบหมอเกศก็ยืดออกไปอีก
โดย รศ.ธนพร ศรียากูล นักวิเคราะห์การเมืองให้ข้อมูลลกับทีมข่าวสั้นๆว่า วิธีการที่ กกต.กำลังทำ ด้วยการรวมสำนวนเรื่องส่วนตัวของหมอเกศเข้ากับสำนวนเรื่องฮั้วเลือก สว. ส่อเจตนาว่าต้องการยืดเวลาการพิจารณาคุณสมบัติหมอเกศออกไป เพราะอย่างไรเสียการสอบเรื่องฮั้วจะใช้เวลานานเพราะเกี่ยวข้องกับ สว. 200คน ซึ่ง กกต.ไม่จำเป็นต้องรวมสำนวนก็ได้ ในเมื่อเรื่องวุฒิการศึกษาของหมอเกศเป็นเรื่องเฉพาะตัว
เมื่อเป็นแบบนี้ รศ.ธนพร เชื่อว่า หมอเกศจะอยู่ยาวไปจนหมดวาระ โดย รศ.ธนพร ยังทิ้งท้ายไว้ว่า "นี่เป็นฤทธิ์อาคมของหมอผีเขมรที่มีไว้ป้องกันสว.สีน้ำเงิน ทำให้กกต.ฟันไม่เข้า"
อย่างไรก็ตาม หาก กกต. มีมติว่า หมอเกศ กระทำความผิดจากกรณีหลอกลวง ตามมาตรา 77(4) ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 ที่กำหนดว่าผู้ใดกระทำการหลอกลวง บังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิ์เลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด
มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี โดยจะเป็นการเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาตามมาตรา 62 ซึ่งหากศาลประทับรับฟ้อง หมอเกศจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา