นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ว่า ขณะนี้ต้องรอให้ข้อมูลทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน แน่นอนว่าวันที่ประกาศเชื่อว่าทุกคนแปลกใจ ว่าสถานการณ์ร้ายแรงถึงขั้นประกาศกฎอัยการศึกหรือไม่ แต่ภายหลังรับทราบว่าสถานการณ์การเมืองของประเทศเกาหลีใต้มีความขัดแย้งกันพอสมควร มีความเป็นไปได้ว่าการใช้อำนาจนี้อาจเป็นที่ถกเถียงกันว่าชอบหรือไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญของเกาหลีใต้
ซึ่งเป็นเรื่องภายใน แต่แน่นอนว่าความกังวลของคนภายนอก รวมไปถึงนักสังเกตการณ์ทุกคน มีความกังวลไปในทิศทางเดียวกันว่า สุดท้ายจะเห็นการรัฐประหารยึดอำนาจตัวเองของประเทศเกาหลีใต้หรือไม่
รีบยืนยันตัวตน (e-KYC) โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ภายใน 26 ธ.ค.67
10 อันดับมือถือจีนกล้องโหดประจำปี 2024 โดย DXOMARK Honor-Xiaomi เพียบ!
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า หากเกิดรัฐประหารขึ้นจะถือเป็นเรื่องใหญ่ อาจทำให้ประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็อาจทำให้สถานการณ์โลกเลวร้ายลงไป ตนในฐานะนักการเมืองในระบบรัฐสภาของประเทศไทย ก็มีเจตจำนงในการสนับสนุนประชาธิปไตยทุกประเทศ อย่างประเทศเกาหลีใต้ตนก็สนับสนุนเพราะจะได้เป็นประชาธิปไตยเข้มแข็งเป็นรากฐานให้ประเทศอื่น และเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของประเทศใด แต่เชื่อว่ากระบวนการประชาธิปไตยที่มีความเข้มแข็งก็ส่งผลต่อประเทศอื่นที่ต้องการสร้างประชาธิปไตยให้เข้มแข็งเช่นเดียวกัน
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่สภาเกาหลีใต้คว่ำกฎอัยการศึก การใช้อำนาจของประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล สุดท้ายก็มีการประกาศยุติใช้ ถือว่าเป็นทิศทางที่ดี ที่ต้องกลับมาย้อนมองประเทศไทยที่เราเองก็อยากเห็นบรรยากาศแบบนี้ ซึ่งหวังว่าจะมีการจัดสร้างความเข้มแข็งทางประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้มีความเข้มแข็ง และสะท้อนเจตจำนงของประชาชน ซึ่งเป็นวิธีการที่จะตอบโต้เมื่อมีคนที่พยายามจะใช้อำนาจบางอย่างเพื่อนำไปสู่การทำรัฐประหาร
นอกจากนี้การปรับปรุงกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎอัยการศึกที่เป็นกฎหมายโบราณและให้อำนาจกับฝ่ายทหารระดับสูง จึงคิดว่าควรมีการทบทวนกฎหมายฉบับนี้ รวมถึงการใช้ พ.ร.กฉุกเฉิน ปี 2548 เพราะต้องยอมรับว่าการใช้อำนาจเหล่านี้ไม่ต้องผ่านรัฐสภา ซึ่งตนได้ยื่นร่างพ.ร.บ บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วแต่ยังค้างอยู่ในสภา ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวพยายามที่จะทำให้ทางสภามีอำนาจในการพิจารณาเรื่องการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อว่า ประเทศเกาหลีใต้ทำให้ทั่วโลกเห็นว่าสภาสามารถยุติการใช้อำนาจของประธานาธิบดีได้ ก็จะทำให้เห็นว่ารัฐสภามีความเข้มแข็ง ถือเป็นโอกาสดี ที่ประเทศไทยจะนำมาทบทวนกลไกภายใน และต้องยอมรับความจริงว่าประเทศไทยมีการรัฐประหารอยู่บ่อยครั้ง และไม่รู้ว่าจะมีครั้งต่อไปอีกหรือไม่ซึ่งหวังว่าจะไม่มี
เมื่อถามว่ามีการนำกรณีนี้มาเปรียบเทียบกับตอนรัฐประหารของประเทศไทยมองว่าแตกต่างกันหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนมีความหวั่นใจ ว่าการใช้กฎอัยการศึกของทางเกาหลีใต้ ก็คล้ายกับประเทศไทยที่เกิดขึ้นในวันที่ 22 พ.ค. 2557 ซึ่งมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกก่อนที่จะมีการทำรัฐประหาร แต่ก็ยังเห็นความแตกต่าง ที่ทางทหารของเกาหลีใต้ยังไม่ลงมือและประชาชนในเกาหลีใต้ มีความกระตือรือร้นในการออกมาปกป้องประชาธิปไตยสูงมาก จึงคิดว่าปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ประชาธิปไตยในเกาหลีใต้เดินหน้า
ย้อนไทม์ไลน์เกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึก จบอย่างรวดเร็วใน 2 ชั่วโมงครึ่ง
ขณะเดียวกันประเทศไทยก็มีการต่อสู้เหมือนกันแต่ต้องยอมรับว่า การรัฐประหารที่ผ่านมาความเข้มแข็งของฝ่ายการเมือง การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐในฝ่ายต่าง ๆ ทุกคนพร้อมปฏิบัติตาม ในสิ่งที่คณะรัฐประหารกำหนด หากเป็นเช่นนี้ โอกาสที่จะได้เห็นการรัฐประหารครั้งสุดท้าย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และเรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ ที่ได้เรียนรู้จากประเทศเพื่อนบ้านว่าการรัฐประหารไม่ใช่สิ่งที่ควรยอมรับ เพราะสร้างวิกฤตและปัญหาจำนวนมากตามมา ซึ่งหนึ่งในวิกฤตและปัญหาคือ จะเห็นว่าสภาต้องมาเสนอร่างกฎหมายเพื่อยกเลิกคำสั่ง คสช. และสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นปัญหากับประเทศไทยต่อไป