นายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ PPTV บอกว่า "นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข" ประธาน ป.ป.ช. คนใหม่ เป็น 1 ใน 12 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ตัวเองกล่าวหาต่อศาลอาญาทุจริตภาค 1 กรณีปกปิดข้อมูลไม่ยอมให้เอกสารเกี่ยวกับนาฬิกา 22 เรือนของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม"
โดยขณะนี้ยังอยู่ในขบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งตามกำหนดในวันที่ 4 มี.ค. จะมีการไต่สวนมูลฟ้อง
แต่ปรากฏว่าทาง ป.ป.ช. ขอเลื่อนนัดตรวจพยานเอกสารถึง 2 ครั้ง ทำให้ศาลต้องนัดตรวจเอกสารก่อน และรอนัดวันไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้ง
"คุณสุชาติก็เป็นหนึ่งใน 12 คนที่ผมกล่าวหาต่อศาลอาญาทุจริต กรณีที่ ป.ป.ช. ไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับนาฬิกา 22 เรือนของพลเอกประวิตร จริง ๆ วันที่ 4 มี.ค. ต้องเป็นวันที่ไต่สวนมูลฟ้องนะ แต่ปรากฏว่าทาง ป.ป.ช. ได้ไปขอศาลเลื่อนนัดตรวจพยานเอกสารทั้งสองฝ่าย ขอเลื่อนมา 2 ครั้งแล้ว" นายวีระกล่าว
เขาเสริมว่า พอเลื่อนครั้งที่ 2 ศาลเลยนัดให้ตรวจพยานเอกสารวันที่ 4 มี.ค. ดังนั้นจึงไต่สวนมูลฟ้องไม่ทัน ศาลจึงบอกว่าให้ผมไปฟังอีกทีหนึ่งว่าศาลจะนัดไต่สวนมูลฟ้องวันไหนเดือนไหน"
นายวีระบอกว่า นอกจากเรื่องการปกปิดข้อมูลนาฬิกาบิ๊กป้อม ยังมีคนส่งข้อมูลร้องเรียนนายสุชาติถึง 3 เรื่องด้วยกัน อย่างช่วงปี 2566 มีเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ยื่นข้อมูลให้ตัวเองตรวจสอบเกี่ยวกับคุณสมบัติของ นายสุชาติว่า อาจขาดคุณสมบัติการเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากตามระเบียบจะต้องเป็นอธิบดีไม่น้อยกว่า 5 ปี และ ต้องไม่เป็นวุฒิสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ก่อนสมัครน้อยกว่า 5ปี แต่นายสุชาติ พ้นวาระ ช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 แล้วสมัครเป็นคณะกรรมการในปีดังกล่าวทันที
ต่อมาเรื่องที่สอง มีคนยื่นเรื่องให้ตรวจสอบนายสุชาติ เกี่ยวกับเรื่องชู้สาว กรณีนี้มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่ได้ตรวจสอบต่อ ส่วนเรื่องที่สาม มีการกล่าวหาคนใกล้ชิด เป็นคณะทำงานของนายสุชาติ ว่าเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งบุคคลนี้ถือเป็นคณะทำงานใกล้ชิดกับนายสุชาติโดยตรง
นายวีระบอกว่า ตัวเองเคยติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงกับนายสุชาติ ผ่าน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ในขณะนั้นหลายครั้ง เพื่อที่จะให้ชี้แจงความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจะได้ทำให้การตรวจสอบโปร่งใส แต่ปรากฏว่า นายสุชาติปฏิเสธให้เข้าพบ
"ทั้งสามเรื่องนี้นะทางผมได้ติดต่อไปยังคุณสุชาติ โดยผ่านเลขานิวัติชัยว่าเราจะขอเข้าพบคุณสุชาติ ตามที่มีการร้องเรียนมา แต่ปรากฏว่าคุณสุชาติไม่ยอมให้เข้าพบปฏิเสธเลย ซึ่งเราก็บอกว่าการที่เราเข้าพบในฐานะที่เห็นว่าคุณเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. คุณถูกกล่าวหาเองทั้งสามประเด็น เราก็ต้องการเปิดโอกาสให้คุณได้แสดงความสุจริตความบริสุทธิ์ และการตรวจสอบของเราจะได้โปร่งใส" นายวีระกล่าว
นายวีระบอกว่า ถึงแม้ตอนนี้นายสุชาติ จะเป็นประธาน ป.ป.ช. แต่กระบวนการตรวจสอบก็ยังต้องดำเนินต่อ อย่างล่าสุดก็พบว่า นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ยื่นถวายฎีกา กรณีนายสุชาติขาดคุณสมบัติไปแล้วเมื่อวานนี้ ขณะที่กรณีคนใกล้ชิดมีการเรียกรับผลประโยชน์ เรื่องนี้ตัวเองก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบต่อว่านายสุชาติเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ส่วนกรณีเรื่องคลิปที่เปิดเผยออกมาว่า นายสุชาติไปเข้าพบ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายวีระมองว่า เรื่องนี้ไม่ควรทำ ไม่ว่านายสุชาติจะถูกหลอกให้ไปพบหรือไม่ถูกหลอก ก็ไม่ควรไปตั้งแต่แรก อย่างในคลิปวิดีโอก็ได้ยินชัดว่า มีการพูดถึงเรื่องที่ตัวเองถูกร้องเรียนในสภา รวมถึงเรื่องที่กำลังจะเป็นประธาน ป.ป.ช. มองว่าเรื่องนี้ นายสุชาติขาดคุณสมบัติการเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
"เป็นคุณสมบัติหลักของ ป.ป.ช. จริง ๆ คือของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทุกคน เขาบอกเลยว่า การจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์คำว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หมายความว่าคุณต้องไม่มีเรื่องมัวหมองคุณต้องไม่เคยถูกกล่าวหาใดใดโดยเฉพาะถ้าถูกกล่าวหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่นหรือเรื่องใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบคุณจะต้องขาดคุณสมบัติ ต้องไม่มีเรื่องที่สังคมกังขาใดใดทั้งสิ้นนะครับแล้วอย่างนี้กรณีความประพฤติอย่างนี้สังคมจะว่ายังไง" นายวีระบอก
นายวีระตั้งข้อสงสัยเรื่องของการเสนอชื่อและโหวตเลือกนายสุชาติ ให้เป็นประธาน ป.ป.ช. ทั้งที่ถูก พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ร้องเรียนเรื่องร่ำรวยผิดปกติและผิดจริยธรรม รวมถึงละเลยเรื่องคุณสมบัติที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ แล้วอย่างนั้นจะมีกฎหมายไว้ทำไม ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระเป็นอย่างมาก
เมื่อถามว่าตอนนี้เรื่องคลิปวิดีโอทางฝั่ง บิ๊กโจ๊ก และนายวันมูหะมัดนอร์ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ชี้แจงกันหมดแล้วถึงแม้ข้อมูลจะต่างกันก็ตามแต่สำหรับนายสุชาติยังปิดปากเงียบ แบบนี้มองอย่างไร นายวีระ เป็นเรื่องแปลกที่นายสุชาติไม่ใช้สิทธิ์ในการชี้แจงใดใดไม่ว่าจะเป็นเรื่องคลิปวิดีโอหรือก่อนหน้านี้ที่ตัวเองขอเข้าพบทุกครั้งก็จะปฏิเสธตลอด ไม่ยอมชี้แจงหรือหาหลักฐานมาหักล้างใดๆ เลย เมื่อถามว่าคิดว่าประธาน ป.ป.ช. จะอยู่ครบวาระหรือไม่ นายวีระบอกว่าก็ต้องรอดู อะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างเชื่อว่าเป็นไปตามผลกรรม