นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ให้ความเห็นกรณีแพทยสภามีมติลงโทษ 3 แพทย์ คดีจริยธรรมที่เกี่ยวกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรี ที่พักรักษาตัว ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า มติแพทยสภา ที่ออกมานั้นเป็นไปตามการสอบสวนของคณะอนุกรรมการที่ดำเนินการกันมาตั้งแต่ต้น
โดยคาดว่าเสียงส่วนใหญ่มาก ๆ ที่ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 แถลง น่าจะเกิน 2 ใน 3 หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ ซึ่งจะส่งผลต่อความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้
หัวใจของมตินี้ นอกจากการลงโทษแพทย์ 3 คน คือการที่แพทยสภาระบุว่า “ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีอาการป่วยวิกฤติ” นั่นเท่ากับว่ามีกระบวนการในการช่วยเหลือ ให้นายทักษิณไม่ต้องรับโทษตามคำพิพากษา ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลต่อเนื่องไปถึงการพิจารณาของศาลฎีกาในวันที่ 13 มิถุนายน รวมถึงจะต้องมีการขยายผลถึงบุคคล และองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งถูกร้องเรียนหลายหน่วย
PPTV สอบถามเพิ่มเติม ถึงประเด็นที่นายแพทย์ประสิทธิ์ อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 แถลงทำนองว่าเป็นการตรวจสอบจากข้อมูลหลักฐานเท่าที่ได้รับข้อมูล แปลว่าอาจจะมีหลักฐานบางส่วนที่ไม่ถูกส่งไปที่แพทยสภาหรือไม่
นายจตุพรระบุว่า เชื่อได้ว่าคนที่ถูกกล่าวหาคือบรรดาแพทย์หรือบุคลากรน่าจะต้องพยายามจะยื่นพยานหลักฐานต่อสู้อย่างเต็มที่แล้ว เพราะคืออนาคตของตัวเอง แต่การแถลงของแพทยสภาซึ่งยึดหลักการตรวจสอบพยานหลักฐานก็จะต้องใช้คำในลักษณะนี้
ซึ่งเชื่อว่างานนี้ไม่ใช่แค่ตัวบุคคลแวดล้อมที่ต้องรับผลที่ตามมาแต่รวมถึงตัวนายทักษิณเองที่เป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าตัวเองมีอาการป่วยขนาดไหน
ส่วนประเด็นที่เมื่อวานนี้ทนายความและนายทักษิณไปยื่นขอศาลเพื่อขอเดินทางออกนอกประเทศชั่วคราวในวันเดียวกัน นายจตุพรมองว่า มีความเชื่อมโยงกับเรื่องของการสอบจริยธรรมแพทย์ของแพทยสภาอย่างแน่นอน
“คุณทักษิณก็ย่อมที่จะรู้ตัวเองดีที่สุดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะไปโรงพยาบาลตำรวจหรือไม่ การป่วยของตัวเองขั้นวิกฤตหรือไม่ บุคคลในครอบครัวไปเยี่ยมย่อมที่จะรู้ว่าตัวเองป่วยวิกฤต ก็เข้าข่ายร่วมในการปกปิด นอกจากบรรดาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจแล้ว เท่ากับเป็นการสมคบคิด ทำเป็นขบวนการลักษณะแบ่งงานกันทำ เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาได้รับโทษทางอาญาตามคำพิพากษาของศาล เพราะฉะนั้นผู้ได้รับอานิสงส์ก็เท่ากับเสมือนหนึ่งเป็นตัวการหรือผู้ให้การสนับสนุน…ถ้าอ้างว่านี่คือการรับโทษแล้ว เมื่อไม่ได้ป่วยวิกฤตจริง ก็เท่ากับไม่ได้รับโทษ” นายจตุพร กล่าว