สถานการณ์ในภาคตะวันออกของยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่ยูเครน และสองดินแดนที่กลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซียยึดครองอยู่ คือสาธารณรัฐโดเนตสค์และลูฮันสค์ ต่างกล่าวหากันว่า เป็นฝ่ายยกระดับความรุนแรง
โดยสื่อรัสเซียรายงานว่า มีการโจมตี หรือความพยายามโจมตีจากพื้นที่ที่ควบคุมโดยรัฐบาลยูเครนในยูเครนตะวันออก ข้ามพรมแดนมายังฝั่งรัสเซีย แต่รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนปฏิเสธรายงานดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง
สาเหตุ "รัสเซียบุกยูเครน” ไทม์ไลน์สรุปที่มาความขัดแย้ง
จับตาวิกฤต “รัสเซีย-ยูเครน” สงครามใกล้จะปะทุหรือไม่
ขณะที่กองทัพยูเครนระบุว่า ฝ่ายกบฏได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงไม่ต่ำกว่า 70 ครั้งเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) โดยเปิดฉากยิงใส่ชุมชนมากกว่า 30 แห่ง ตามแนวชายแดนด้วยอาวุธหนัก รวมถึงอ้างว่า มีทหารยูเครนเสียชีวิต 2 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย จากระเบิดที่กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนยิงออกมา
คลิปวิดีโอจาก Radio Free Europe เผยภาพของเจ้าหน้าที่ยูเครน ทหาร และนักข่าวต่างชาติที่รีบหาที่กำบังจากระเบิด ระหว่างที่ลงพื้นที่ใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่งในภูมิภาคโดเนตสค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ความขัดแย้งในภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อวานนี้ โดยระหว่างที่รออยู่ในบังเกอร์ จะได้ยินเสียงปืนและอาวุธเบาดังขึ้นเป็นระยะๆ
แม้ว่าในคลิปขณะนั้นจะไม่มีการยิงปืนใหญ่เกิดขึ้น แต่ก็สามารถมองเห็นเศษกระสุนปืนใหญ่ และหลุมที่เกิดจากการยิงก่อนหน้านี้ในบริเวณรอบๆ ได้
ด้านกลุ่มสังเกตการณ์ระบุว่า มีการระเบิดมากกว่า 1,400 ครั้ง ในภูมิภาคโดเนตสค์และลูฮันสค์ เมื่อวานนี้เพียงวันเดียว
ทั้งนี้ ตามเส้นแบ่งที่กั้นระหว่างกองกำลังยูเครนกับฝ่ายกบฏ มีการโจมตีเกิดขึ้นประปรายอยู่แล้วตลอดช่วยหลายปีที่ผ่านมา แต่การยิงปืนใหญ่และระเบิดที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบได้
จากความกังวลดังกล่าว นายเดนิส พูชิลิน ผู้นำกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน จึงประกาศระดมกำลังพลในสาธารณรัฐโดเนตสค์และลูฮันสค์ โดยให้ชายหนุ่มที่อยู่ในวัยฉกรรจ์ทุกคนพร้อมสแตนด์บาย พร้อมกับสั่งอพยพประชาชนทั้งผู้หญิง เด็กและผู้สูงอายุในเมืองโดเนตสค์และพื้นที่โดยรอบ รวมถึง ยังมีแผนอพยพประชาชนราว 7 แสนคนไปยังรัสเซีย โดยอ้างว่ายูเครนโหมยิงปืนใหญ่โจมตีอย่างหนัก และมีแผนโจมตีพื้นที่ดังกล่าวอีก
แต่รัฐบาลยูเครนปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่า ไม่มีแผนการโจมตีเป้าหมายพลเรือนไม่ว่าจะด้วยวิธีใด
ภาพจากสำนักสื่อมวลชนของสาธารณรัฐโดเนตสค์เผยให้เห็นประชาชนขณะกำลังขึ้นรถโดยสาร และรอรถไฟ เพื่อที่จะอพยพออกจากพื้นที่ตามประกาศ
ขณะเดียวกัน ภูมิภาครอสตอฟ ซึ่งเป็นดินแดนหนึ่งของรัสเซียที่อยู่ติดกับยูเครน ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากจำนวนผู้คนที่เดินทางมาจากพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏในยูเครนได้อพยพเข้ามามากขึ้น
เช่นเดียวกับนานาชาติที่กังวลต่อสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้น ท่ามกลางรายงานการยิงปืนใหญ่ที่ยังมีมาต่อเนื่อง หลายประเทศตะวันตก ได้แก่ เยอรมนี ออสเตรีย และฝรั่งเศส ได้ประกาศให้พลเมืองของตนเดินทางออกจากยูเครนโดยเร็วที่สุด
ขณะที่สายการบินลุฟต์ฮันซาของเยอรมนีประกาศยกเลิกเที่ยวบินปลายทางกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน และเมืองออแดซา เมืองท่าชายฝั่งทะเลดำที่อาจเป็นเป้าหมายสำคัญในกรณีที่เกิดการรุกราน ตั้งแต่วันจันทร์นี้
ขณะที่สำนักงานประสานงานขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต (NATO) ในกรุงเคียฟ ระบุว่า กำลังให้เจ้าหน้าที่ย้ายออกไปยังกรุงบรัสเซลส์ ของเบลเยียม และเมืองลวีฟ ทางภาคตะวันตกของยูเครน