สัญญาณดีวิกฤตการณ์ยูเครน "ไบเดน-ปูติน" ตกลงจัดประชุมร่วมหาทางออก
ฝรั่งเศสเป็นคนกลาง กรุยทางให้ สหรัฐฯ ประชุมกับรัสเซีย แก้วิกฤตยูเครน
แถลงการณ์ที่ออกมาจากทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส พูดถึงข้อสรุปที่ได้จากการหารือทางโทรศัพท์ระหว่าง เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย หนึ่งในข้อสรุปคือ 3 ฝ่ายที่มีส่วนร่วมในความขัดแย้ง คือ รัสเซีย ยูเครน และ OSCE ภายใต้ชื่อ Trilateral Contact Group
โดยจะเดินหน้าพูดคุยกันด้วยเป้าหมายหลัก คือ การหยุดยิงในยูเครนตะวันออก ที่ขณะนี้ พื้นที่ดังกล่าวกำลังตึงเครียดอย่างหนักจากการเผชิญหน้ากันระหว่างกองกำลังของรัฐบาลยูเครนและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่มีรัสเซียสนับสนุ
อีกเป้าหมายของการพูดคุยคือ หาวิธีกำหนดระเบียบด้านสันติภาพและความมั่นคงใหม่ในยุโรป
การเริ่มต้นการพูดคุยจะเริ่มจากระดับรัฐมนตรี ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียจะหารือกันก่อน จากนั้นก็จะเป็นการประชุมระดับผู้นำ โดยเงื่อนไขของการพบกันของผู้นำคือ รัสเซียจะต้องไม่บุกรุกรานยูเครน
แอนโทนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า ผู้นำสหรัฐฯ ยินดีที่จะพบกับผู้นำรัสเซียเพื่อหาทุกทางในการหลีกเลี่ยงสงคราม
ฝั่งรัสเซียก็ออกแถลงการณ์เช่นเดียวกัน พูดถึงความจำเป็นที่สหรัฐฯ และ NATO จะดำเนินการตามข้อเรียกร้องในการรับประกันความมั่นคงของรัสเซียอย่างจริงจัง
หลักประกันความมั่นคงของรัสเซีย คือ นาโตและชาติตะวันตกต้องจำกัดบทบาทในยุโรปตะวันออก ซึ่งรวมถึงการถอนทหารที่ประจำการและการไม่รับยูเครนเป็นสมาชิกนาโต
ในแถลงการณ์ รัสเซียพูดถึงความตึงเครียดทางตะวันออกของยูเครน โดยบอกว่าการสู้รบที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเกิดจากการยั่วยุของฝั่งยูเครน และมีผลทำให้พลเรือนชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียจำนวนมากต้องทุกข์ทรมานและลี้ภัยจากการสู้รบ
ยูเครนตะวันออกเริ่มคุกรุ่น ระดมพล-อพยพประชาชน
ด้านตะวันออกของยูเครนซึ่งมีชายแดนยาวติดกับรัสเซีย เป็นสมรภูมิการสู้รบระหว่างกองกำลังรัฐบาลยูเครนและกบฎแบ่งแยกดินแดนมาตั้งแต่ปี 2014 ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาพื้นที่นี้เกิดความตึงเครียดรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในแคว้นโดเนตสก์และลูฮันส์ซึ่งขณะนี้อยู่ในความครอบครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน มีรายงานเกิดเสียงปืนและระเบิดดังต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เสียงระเบิดจากปืนใหญ่และปืนครกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันไปมา ฝ่ายกบฏแบ่งแยกดินแดนบอกว่า กองกำลังของยูเครนพยายามรุกเข้ามาในพื้นที่ของตน
ขณะที่ฝั่งกองกำลังยูเครนระบุว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนพยายามยั่วยุ วางแผนสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างความชอบธรรมในการรุกคืบเข้ายูเครน
การยิงเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เดนิส โมนาตีร์สกีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของยูเครน กำลังลงตรวจพื้นที่แนวหน้าในแคว้นโดเนตสค์พอดี ทำให้รัฐมนตรีมหาดไทยและผู้ติดตามพร้อมด้วยสื่อมวลชนวิ่งหลบกระสุน และระเบิดที่ถูกระดมยิงเข้ามา บางลูกตกห่างจากเขาไม่กี่ร้อยเมตร
กระทรวงกลาโหมยูเครนระบุว่า มีทหารยูเครนเสียชีวิตแล้ว 2 นายนับตั้งแต่การโจมตีเกิดขึ้นเมื่อที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ยูเครนจะไม่ตอบโต้เพราะเกรงว่าจะเข้าทางหรือแผนของรัสเซีย
สำหรับแคว้นลูฮานสค์และโดเนตสค์ทางตะวันออกของยูเครนเป็นตัวแปรสำคัญของการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียและยูเครน ประชากรส่วนใหญ่ในบริเวณนี้พูดภาษารัสเซียและจำนวนมากยังมีความผูกพันกับรัสเซียในฐานะที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต
ตั้งแต่ปี 2014 รัสเซียพยายามเข้ามามีอิทธิพลในแถบนี้ด้วยการสนับสนุนกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนในจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลยูเครน นอกจากนี้ยังให้สัญชาติรัสเซียกับชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียที่อยู่ในพื้นที่นี้ด้วย ปัจจุบันแคว้นลูฮานสค์และโดเนตสค์ที่อยู่ในภูมิภาคโดเนสต์เป็นพื้นที่ครอบครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่มีการประกาศเป็นสาธารณรัฐอิสระแล้วแต่ยังไม่มีประเทศไหนรับรองรวมถึงรัสเซีย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ดนิส พูชิลิน ผู้นำกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนประกาศระดมกำลังพลทั่วภูมิภาคโดยให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มทหารกองหนุนเข้ามารายงานตัวที่หน่วยงานเกณฑ์ทหาร เพื่อรับมือกับกองกำลังยูเครนที่กำลังโจมตีพวกตนอย่างหนัก หลังการประกาศระดมพล ก็ปรากฏภาพของชายฉกรรจ์จำนวนมามาลงชื่อ เพื่อแสดงความประสงค์ในการเข้าเป็นกำลังพลเพื่อต่อสู้กับกองกำลังรัฐบาลยูเครน
นอกเหนือจากกระระดมพลพร้อมรบแล้ว หัวหน้ากลุ่มกบฎยังประกาศอพยพพลเรือนจากแคว้นลูฮานสค์และโดเนตสค์กว่า 700,000 คนข้ามไปพักพิงที่รัสเซียโดยอ้างว่าเพื่อหลีกเลี่ยงหรือหนีจากการถูกฆ่า
การอพยพพลเรือนยูเครนที่มีเชื้อสายรัสเซียเกิดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา คนเหล่านี้ทยอยขึ้นรถบัสที่มารับ อีกจำนวนไม่น้อยใช้วิธีเดินทางโดยรถไฟ
นี่คือชาวเมืองมาคิยิฟคาที่กำลังขึ้นรถไฟ ซึ่งจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงเพื่อไปถึงชายแดนรัสเซีย จากชายแดนพวกเขาต้องเดินทางต่อโดยมีจุดหมายปลายทางคือภูมิภาครอสตอฟที่หลายเมืองถูกจัดให้เป็นที่รองรับผู้อพยพเหล่านี้
ภาพบางส่วนของประชาชนที่เดินทางไปถึงที่รอสตอฟแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัสเซียช่วยอำนวยความสะดวก ผู้อพยพจำนวนมากเป็นเด็ก ผู้หญิงและผู้สูงอายุ
วาเลรีย์ ซาลูซนีย์ ประธานเสนาธิการทหารยูเครน ระบุว่า การอพยพพลเมืองเป็นส่วนหนึ่งของแผนการณ์ของรัสเซียในการสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่า ยูเครนกำลังสังหารพลเรือนในโดเนตสค์และลูฮานสค์ แล้วใช้เหตุผลนี้เคลื่อนกำลังทหารเข้าโดยทำทีเป็น “กองกำลังรักษาสันติภาพ”
ปธน.ยูเครนร้องขอสันติภาพ รัสเซียขยายซ้อมรบเบลารุส
โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนพูดก่อนหน้านั้นในระหว่างการประชุมความมั่นคงที่เมืองมิวนิกของเยอรมนีว่า เขาต้องการที่จะพูดคุยกับประธานาธิบดีปูติน โดยระบุว่าเขารู้ดีว่าปูตินต้องการอะไร ผู้นำยูเครนยังระบุด้วยว่า สันติภาพของยูเครนไม่ได้สำคัญเฉพาะชาวยูเครนเท่านั้น แต่สำคัญกับโลกด้วย
การเตรียมพูดคุยรอบใหม่เกิดขึ้นท่ามกลางการเตรียมพร้อมทางการทหาร
วิคตอร์ เครนิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเบลารุสออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่า การซ้อมรบร่วมของกองทัพรัสเซียและเบลารุสจะดำเนินต่อไป จากกำหนดการเดิมที่ต้องสิ้นสุดในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ หรือเมื่อวานนี้
ที่ต้องเปลี่ยนแผนเพราะไม่มั่นใจความเคลื่อนไหวทางการทหารของชาติตะวันตกบริเวณชายแดนของทั้งเบลารุสและรัสเซีย รวมทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคดอนบัส ทางตะวันออกของยูเครน นั่นเท่ากับว่ากองกำลังรัสเซียที่มีอยู่กว่า 30,000 นายในเบลารุสจะยังไม่ไปไหน
ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดจากบริษัทแม็กซาร์ของสหรัฐเมื่อวานนี้ แสดงให้เห็นว่า รัสเซียได้เคลื่อนพลและอาวุธใหม่ๆ เข้าใกล้กับป่า พื้นที่ฟาร์ม และเขตอุตสาหกรรมของยูเครนมากขึ้น โดยห่างจากชายแดนยูเครนราว 15 กิโลเมตรเท่านั้น
ชาติตะวันตกและนาโตยังคงพูดต่อเนื่องว่า โอกาสที่รัสเซียจะบุกยูเครนมีสูงมากและจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้จากนี้ไป
สหรัฐฯ-ตะวันตก เชื่อรัสเซียพร้อมบุกยูเครนได้ทุกเมื่อ
ล่าสุดในวันนี้มีคำเตือนใหม่จากสหรัฐฯ ต่อแผนการบุกของรัสเซีย บาทเชลา ครอกเกอร์ เอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติส่งจดหมายที่มีใจความสำคัญมายังสหประชาชาติว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ มีข้อมูลที่เชื่อถือได้บ่งชี้ว่า รัสเซียมีแผนการที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวยูเครน หากพวกเขาสามารถบุกเข้ามาถึงกรุงเคียฟได้
ในจดหมายยังระบุด้วยว่า คนยูเครนอาจถูกฆ่าหรือถูกส่งเข้าค่ายกักกัน นอกจากนั้นทางรัสเซียยังเพ่งเล็งนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านตน, สื่อมวลชน และชาว LGBT เป็นพิเศษ พร้อมย้ำว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ หายนะทางด้านสิทธิมนุษยชน
คำเตือนล่าสุดจากสหรัฐฯ ออกมาในช่วงเวลาที่สำนักข่าว CNN เผยรายงานจากหน่วยข่าวกรองที่ระบุว่า ขณะนี้กองกำลังรัสเซียเสริมศักยภาพได้ราวร้อยละ 75 แล้ว สำหรับแผนการบุกยูเครน
อีกเสียงเตือนมาจากบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรที่ระบุว่า แผนการบุกของรัสเซียนั้น หากเกิดขึ้นจริงจะนำไปสู่สงครามที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดในปี 1945 เป็นต้นมา