Financial Times รายงานว่า แหล่งข่าว 4 คนที่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้ให้ข้อมูลว่า รัสเซียกำลังยอมอะลุ้มอล่วย ไม่เรียกร้องให้ยูเครน “ปลอดนาซี” อีกต่อไป และพร้อมที่จะให้ยูเครนเข้าร่วมสหภาพยุโรป (EU) แต่ต้องคงสถานะเป็นกลางทางทหาร ไม่เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรใด
แหล่งข่าวทั้งสี่คนบอกว่า การจะหยุดการสู้รบ ยูเครนอาจต้องละทิ้งแผนการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต เพื่อแลกกับการรับประกันความปลอดภัยและจะยังคงมีโอกาสในการเข้าร่วมสหภาพยุโรปได้อยู่
ย้อนคดีวางยาพิษฝีมือรัสเซีย ทำไมตกเป็นผู้ต้องสงสัยวางยา “อบราโมวิช”
ปธน.ยูเครนเผย พร้อมหารือรัสเซียเรื่อง “สถานะความเป็นกลาง” แล้ว
ไปไม่ไหว! จับตารัสเซียกำลังหา "ทางลง" ยุติสงครามยูเครน
ในวันนี้ (29 มี.ค.) ตัวแทนเจรจาจากรัสเซียและยูเครนจะมาเจรจาหารือกันอีกครั้งที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งเป็นคนกลางในการเจรจา
ด้าน เดวิด อาราคาเมีย หัวหน้าพรรค Servant of the People ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และตัวแทนเจรจาฝั่งยูเครน บอกกับ Financial Times ว่า ทั้งสองฝ่ายใกล้จะตกลงกันเรื่องการรับประกันความปลอดภัยและการเข้าร่วมสหภาพยุโรปของยูเครนสำเร็จแล้ว
อาราคาเมียกล่าวว่า ปัญหาทั้งหมดอยู่บนโต๊ะเจรจาตั้งแต่ต้น แต่ยังคงมีหลายประเด็นที่ยังไม่ได้แก้ไข
อีกส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่อยู่ระหว่างการพิจารณา คือยูเครนจะต้องงดเว้นจากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์หรือเปิดพื้นที่ให้ทหารต่างประเทศมาตั้งฐานทัพ และต้องเลิกแผนการเข้าเป็นสมาชิกของนาโตด้วย
เพื่อแลกกัน ยูเครนจะได้รับ “สิ่งที่ใกล้เคียงกับมาตรา 5 ของนาโต” คือ จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันหากถูกโจมตี เพื่อรับประกันความปลอดภัยจากประเทศต่าง ๆ รวมถึงรัสเซีย สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี จีน อิตาลี โปแลนด์ อิสราเอล และตุรกี
เมื่อวันอาทิตย์ (27 มี.ค.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซียว่า ยูเครนพร้อมที่จะหารือเกี่ยวกับ “การคงสถานะเป็นกลาง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าว ยูเครนจะต้องได้รับการรับประกันความปลอดภัยโดยบุคคลที่สามและต้องดำเนินการลงประชามติก่อน
คาดว่ายูเครนจะทำข้อตกลงในการลงประชามติในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก่อนที่จะเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี
นอกจากนี้ ร่างแถลงการณ์ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาได้ทิ้งจุดยึดที่ใหญ่ที่สุดของยูเครน นั่นคือ ความพยายามในการทวงคืนดินแดนที่รัสเซียยึดมาตั้งแต่ปี 2014
อาราคาเมียกล่าวว่า รัสเซียเรียกร้องให้ยูเครนยอมรับอำนาจของรัสเซียเหนือคาบสมุทรไครเมีย ซึ่งรัสเซียได้ผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศในปี 2014 รวมถึงดินแดน 2 แห่งที่ควบคุมโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบาส เท่ากับว่า ยูเครนจะไม่มีวันได้พื้นที่ของไครเมีย โดเนตสค์ และลูฮันสค์ คืนอีกเลย
ในประเด็นนี้อาราคาเมียกล่าวว่า “เราจะไม่มีวันยอมรับพรมแดนใด ๆ ยกเว้นตามที่ระบุไว้ในปฏิญญาอิสรภาพของเรา นี่คือจุดที่สำคัญที่สุด”
สำหรับตอนนี้ ยูเครนพร้อมที่จะหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านมนุษยธรรม เช่น การฟื้นฟูแหล่งน้ำของแหลมไครเมีย และให้คำมั่นว่าจะไม่พยายามยึดคาบสมุทรโดยใช้กำลัง
หากมีการหยุดยิง รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครนและรัสเซียจะประชุมกันเพื่อร่างเอกสารสรุปการรับประกันความมั่นคงและข้อตกลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นทางสังคม เช่น การคุ้มครองประชาชนผู้ที่ใช้ภาษารัสเซียในยูเครน
พบทหารรัสเซียเข้าไปในเขตต้องห้ามของ “เชอร์โนบิล” โดยไม่ป้องกัน
เบื้องหลัง! พล.อ.รังษี พ้นตำแหน่งผอ.ช่อง 5
เรียบเรียงจาก Financial Times
ภาพจาก AFP