บีบีซี ของอังกฤษ รายงานข่าวเหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภูของไทย โดยระบุว่า คนร้ายเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเพิ่งถูกปลดออกจากราชการเมื่อปีที่แล้ว และมีปัญหาส่วนตัว
อย่างไรก็ดี การก่อเหตุที่เหี้ยมโหดที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากรวมถึงเด็กๆ ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับปัญหาการควบคุมอาวุธปืนในไทย รวมถึงปัญหาด้านสุขภาพจิต ที่อาจกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย
ไทม์ไลน์ อดีตตำรวจกราดยิง "ศูนย์เด็กเล็ก" หนองบัวลำภู
ด่วน! กราดยิง "ศูนย์เด็กเล็ก" หนองบัวลำภู เบื้องต้นเสียชีวิตหลายราย
บีบีซีระบุว่า หลังเกิดเหตุพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ได้สั่งการให้สืบสวนเหตุสลดครั้งนี้ เพื่อหาแรงจูงใจของคนร้าย ถึงแม้มือปืนจะเสียชีวิตแล้ว
สเตรทส์ ไทม์ส สื่อยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ ระบุว่า นี่เป็นเหตุกราดยิงครั้งที่ 4 แล้ว ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนับตั้งเดือนมกราคม 2019 เป็นต้นมา ซึ่งนั่นหมายความว่า เกิดเหตุกราดยิงในไทยแล้ว 4 ครั้ง ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 ปี
สเตรท ไทม์ส กล่าวถึงเหตุกราดยิงในไทย 3 ครั้งก่อนหน้านี้
- เหตุกราดยิงครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทยเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 1 มกราคม 2019 หลังจากที่ชายไทยคนหนึ่งใช้อาวุธปืนกราดยิงคนในครอบครัวตัวเองรวม 6 ศพ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงลูกเล็กๆของตัวเอง 2 ชีวิต หลังจากเกิดมีปากเสียงกันในครอบครัวในงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ที่จังหวัดชุมพร
- จากนั้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2020 ได้เกิดเหตุอดีตทหารวัย 32 ปี จ.ส.อ. จักรพันธ์ ถมมา ใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชาและญาติของตนถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนีเข้ามาในตัวเมืองนครราชสีมา โดยกราดยิงผู้คนตามรายทาง ก่อนเข้าไปซ่อนตัวหลบอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช พร้อมทั้งจับบุคคลในห้างเป็นตัวประกันและถ่ายทอดสดตนเองขณะก่อเหตุลงเฟซบุ๊กของตนเอง จนถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมในเช้าวันถัดมา สรุปมีผู้เสียชีวิต 31 คน บาดเจ็บ 58 คน โดยในจำนวนนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 32 ราย
- หลังจากนั้น ได้เกิดเหตุกราดยิงครั้งที่ 3 ในไทยเมื่อ วันที่ 14 กันยายน 2022 โดยคนร้ายวัย 59 ปีซึ่งเป็นเสมียนในกองทัพบกของไทย ใช้อาวุธปืนกราดยิงผู้คนเสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บอีก 1 ภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ โดยสื่อไทยรายงานว่า ผู้ก่อเหตุมีปัญหาทางจิตหลังจากเข้ารับการผ่าตัดสมอง เนื่องจากประสบอุบัติเหตุขณะขี่รถจักรยานยนต์
ด้าน CNN ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่น่าจะนำไปสู่การเกิดโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะอัตราการครอบครองปืนในประเทศไทยที่มีสัดส่วนค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภุมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รายงานของ CNN ซึ่งอ้างข้อมูลจากองค์กรวิจัย Small Arms Survey (SAS) ในสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่า มีพลเรือนในไทยมากกว่า 10 ล้าน 3 แสนคนที่ครอบครองอาวุธปืน หรือคิดเป็นสัดส่วนปืนราว 15 กระบอก ต่อประชากรไทยทุก 100 คน
ในจำนวนอาวุธปืนดังกล่าว ปรากฏว่า มีปืนที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายราว 6 ล้าน 2 แสน กระบอก ขณะที่อีกกว่า 4ล้าน 1 แสนกระบอก เป็นปืนเถื่อน ที่ไม่ได้ผ่านการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ไทยยังถือเป็นประเทศที่มีเหตุฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนสูงเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคอาเซียน รองจากฟิลิปปินส์ ตามผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตันในสหรัฐฯเมื่อปี 2019
ขณะที่ด๊อยต์เช่อ เวลเล่อ สื่อยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ตั้งข้อสังเกตเช่นเดียวกับ CNN ว่า สาเหตุที่เกิดเหตุรุนแรงเกี่ยวกับอาวุธปืนบ่อยครั้งในไทยในระยะหลัง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความหละหลวมในการควบคุมอาวุธปืนในไทย เนื่องจากไทยถือเป็นประเทศที่มีอัตราการครอบครองปืน (gun ownership) ที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และจำนวนคนไทยที่ครอบครองปืนก็สูงกว่า สถิติการครอบครองปืนของประชากรในกลุ่มประเทศอาเซียนเช่นกัน
นอกจากสื่อต่างประเทศ ผู้นำคนสำคัญของโลก ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์การกราดยิงที่เกิดขึ้นเช่นกัน
คนแรกคือ ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ออกมาทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า ตัวเธอเองตกใจที่ได้ยินข่าว ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวเสียชีวิต และส่งความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สหราชอาณาจักรจะอยู่เคียงข้างกับชาวไทยในช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้
ด้าน แอนโธนี แอลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว แสดงความเสียใจต่อเหตุสังหารหมู่ที่จังหวัดหนองบัวลำภูโดยระบุว่า “มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใจลึกซึ้งถึงภาวะหัวใจสลายของข่าวสะเทือนขวัญนี้จากประเทศไทย พลเมืองออสเตรเลียทั้งหมดขอส่งความรักและความเสียใจให้กับคนไทย”
ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ออกมาทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ แสดงความเสียใจต่อเหตุสลดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จากการกราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงเด็กๆ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้บริสุทธิ์จำนวนมากที่สูญเสียชีวิตในวันนี้ และขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวที่ประสบความสูญเสียครั้งนี้ รวมถึงคนไทยทั้งประเทศ