เฉพาะในสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศเลวร้ายแล้ว 46 คน ในจำนวนนี้ บางส่วนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน บ้างก็ถูกพบแข็งตายในรถหรือตามกองหิมะ
หลายพื้นที่ของรัฐนิวยอร์ก ถูกพายุหิมะพัดถล่ม ทำให้การจราจรเป็นอัมพาต ผู้คนจำนวนมากติดอยู่ในรถ มีการระดมกำลังทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติราว 200 นาย ช่วยเหลือปฏิบัติการกู้ภัยของตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก บดบังทัศนวิสัย
พายุฤดูหนาวสหรัฐฯ คร่าชีวิตไม่ต่ำกว่า 30 ราย คนนับล้านตกอยู่ในความมืด
พายุฤดูหนาวถล่มสหรัฐฯ-แคนาดา เตือนกระทบเกือบ 80 ล้านคน
จุดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก โดยสำนักบริการสภาพอากาศแห่งชาติระบุว่า หิมะที่ตกที่สนามบินเมืองบัฟฟาโลเมื่อวานนี้สูงเกือบ 1.2 เมตร ขณะที่ทางใต้ของเมือง ปริมาณหิมะตกอยู่ที่ 2-3 นิ้วต่อชั่วโมง
หิมะที่ตกทับถมหนาทำให้แม้แต่รถตักหิมะและรถของหน่วยกู้ภัยก็ติดอยู่ในหิมะไปด้วย ขณะที่ตำรวจเมืองบัฟฟาโลต้องลงประกาศขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีรถสโนว์โมบิลให้นำรถมาช่วยในการค้นหาและกู้ภัย
เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ระบุว่าว่า เรากำลังทำสงครามกับพลังอำนาจของธรรมชาติ และนี่จะเป็นพายุหิมะรุนแรงครั้งประวัติการณ์ของเมืองบัฟฟาโล
ทั้งนี้ รัฐนิวยอร์ก มีรายงานผู้เสียชีวิตจากพายุหิมะครั้งนี้แล้ว 18 คน
ส่วนที่แคนาดา มีรายงานผู้เสียชีวิตอีก 4 คน จากอุบัติเหตุรถบัสเสียหลักพลิกคว่ำบนถนนที่ลื่นและเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ในรัฐบริติชโคลัมเบีย
ขณะที่ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานไฟฟ้าดับกระทบประชาชนกว่า 1 ล้าน 7 แสนคน แต่ทางการเร่งกู้ระบบไฟจนกลับมาใช้งานได้ตามปกติ โดยข้อมูลล่าสุด จนถึงช่วงบ่ายวันอาทิตย์ เหลือไม่ถึง 2 แสนคนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้
อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวอเมริกันมากกว่า 55 ล้านคน ที่ยังอยู่ภายใต้คำเตือนเรื่องสภาพอากาศหนาวเย็นจัด
ส่วนที่รัฐควิเบก ของแคนาดา เหลือประชาชนอีกเกือบ 1 แสน 2 หมื่นคน ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งทางการคาดว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวันจึงจะกู้ระบบไฟได้หมด
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ นักอุตุนิยมวิทยาเรียกว่า บอมบ์ไซโคลน (Bomb cyclone) คือ สภาพอากาศที่หนาวจัดอย่างเฉียบพลัน และหนาวมากเป็นประวัติการณ์ ครอบคลุมทั่วประเทศแคนาดา ลงไปจนถึงรัฐทางใต้สุดของสหรัฐฯ อย่างเท็กซัส ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อน ที่นับวันมีแต่จะรุนแรง และเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูหนาวของสหรัฐฯ
การเกิดบอมบ์ไซโคลน
1. ปรากฏการณ์บอมบ์ไซโคลนเกิดจากมวลอากาศร้อนปะทะกับมวลอากาศเย็น เช่น อากาศเหนือมหาสมุทรที่อุ่น
2. เมื่อมวลอากาศทั้งสองปะทะกัน อากาศร้อนจะลอยขึ้น เย็นลง และควบแน่น
3. แรงกดอากาศจะลดลงอย่างรวดเร็ว (อย่างน้อย 24 เฮกโตปาสกาล ใน 24 ชั่วโมง ที่จุดศูนย์กลางความกดอากาศต่ำ) ลมจะมีกำลังรุนแรงขึ้นรอบๆ พายุ
พายุประเภทนี้สามารถทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงมาก และทำให้เกิดฝนหรือหิมะตกหนัก