หลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโควิดในจีนที่อาจจะกลับไปอยู่ในจุดที่ควบคุมได้ยากอีกครั้ง รวมถึงความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่จากคลื่นนักท่องเที่ยวจีน
ล่าสุด รัฐบาลจีนประกาศจะรายงานข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการและจำนวนผู้เสียชีวิตเพียงเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น หลังจากเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมาทางการจีนเพิ่งยกเลิกการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการไปแล้ว โดยระบุว่า ต่อจากนี้ไปข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด 19 ในจีนจะถูกใช้เพื่อการอ้างอิงและงานวิจัย
หลายประเทศ ยกระดับคุมเข้มผู้เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่
รัฐบาลติดตามโควิด-19 จีน หลัง ปชช.หวั่นนักท่องเที่ยวหลั่งไหล คุมโควิดยาก
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติจีนออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ระบุว่า จากนี้ไปจะมีการแถลงข้อมูลเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อโควิดเฉพาะที่แสดงอาการ รวมถึงยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดเหลือเพียงเดือนละ 1 ครั้ง หลังจากที่ผู้ติดเชื้อโควิดในระยะหลังส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่มีอาการรุนแรงลดน้อยลงอย่างมาก และมีแนวโน้มที่เชื้อโควิดจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่เป็นโรคติดเชื้อสามัญประจำถิ่นทั่วไปในระบบทางเดินหายใจ เช่นเดียวกับไข้หวัดธรรมดา
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนหรือ NHC (National Health Commission) ยังประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศโดยสิ้นเชิงเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมปีหน้า เป็นต้นไป
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญจากทางการจีน ถึงความพร้อมในการเตรียมเปิดประเทศและยกเลิกข้อจำกัดต่างๆในด้านการเดินทางระหว่างประเทศ หลังจากที่ทางการจีนมีการบังคับใช้นโยบายคุมเข้มโควิดเป็นศูนย์มานานกว่า 3 ปีตั้งแต่ปลายปี 2019 และต้องมีการปิดพรมแดนมายาวนานกว่า 2 ปี นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020
แนวทางการคุมเข้มโควิดเป็นศูนย์ ที่รัฐบาลจีนบังคับใช้อย่างเข้มงวด ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก จากการเผชิญมาตรการล็อกดาวน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกิดการรวมตัวประท้วงในหลายเมืองทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน กลายเป็นการลุกฮือต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ขึ้นครองอำนาจเมื่อปี2012
ก่อนหน้านี้ ทางการจีนได้มีการปิดเครือข่ายสถานีตรวจเชื้อแบบ PCR ทั่วประเทศไปแล้ว โดยตอนนี้คนที่ต้องการทราบว่าตนเองติดเชื้อโควิดหรือไม่ สามารถใช้ชุดตรวจโรคตรวจหาเชื้อด้วยตัวเอง และไม่จำเป็นต้องแจ้งผลกับทางการอีกต่อไป ถึงแม้ว่าผลการตรวจจะออกมาเป็นบวกหรือติดเชื้อก็ตาม ซึ่งนี่ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านด้านยุทธศาสตร์การควบคุมโรคครั้งสำคัญของจีน การนโยบายโควิดต้องเป็นศูนย์ ไปสู่นโยบายการอยู่ร่วมกับโควิด
ฉาง จี่เล่อ หัวหน้าสำนักงานควบคุมเชื้อโรค ประจำคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนหรือ NHC ออกมาแถลงว่า นับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมปีหน้าเป็นต้นไป แนวทางการควบคุมเชื้อโควิดของจีน จะลดระดับความเข้มงวดในการควบคุมโรคโควิดลงจากระดับ เอ (Class A) ซึ่งหมายถึงการทุ่มเททรัพยากรส่วนใหญ่ไปกับการบังคับตรวจเชื้อประชาชนจำนวนมาก และการควบคุมพื้นที่เสี่ยงแบบเข้มข้นทุกตารางนิ้ว ไปสู่การควบคุมโรคในระดับ บี (Class B) ซึ่งประชาชนสามารถตรวจเชื้อเองได้ที่บ้าน และสามารถเฝ้าระวัง ตลอดจนดำเนินการกักโรคได้ด้วยตนเอง หากพบว่าติดเชื้อ โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อมูลต่อทางการหรือถูกส่งไปกักตัวในพื้นที่กักโรคของทางการอีก รวมถึงการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ทั้งหมด
ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ และลดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน
ขณะเดียวกัน ภายใต้มาตรการควบคุมโควิดแบบใหม่ ทางการจีนจะยกเลิกการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคใส่สินค้านำเข้าทุกชิ้น รวมถึงการยกเลิกมาตรการสุ่มตรวจเชื้อโควิดกับสินค้านำเข้าประเภทอาหารแช่แข็งด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี แม้การปรับเปลี่ยนนโยบายควบคุมโควิดของรัฐบาลจีนอย่างฉับพลัน จากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เข้าสู่นโยบายการอยู่ร่วมกับโควิด จะทำให้เราได้เห็นภาพการใช้ชีวิตของประชาชนชาวจีนที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนช่วงเวลาก่อนการเกิดการระบาดของโรคนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
แต่ความเคลื่อนไหวนี้ก็มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การติดเชื้อในจีนที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งแบบแสดงอาการและไม่แสดงอาการ
หนึ่งในสัญญานของการรับมือกับผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นคือ การเปิดคลินิกเพื่อตรวจอาการไข้ให้กับประชาชน
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ล่าสุดทางการจีนได้จัดตั้งคลีนิกตรวจอาการไข้โดยเฉพาะ มากกว่า 16,000 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงมีการตั้งศูนย์บริการสุขภาพขนาดเล็กเพื่อตรวจรักษาประชาชนที่มีอาการไข้อีกมากกว่า 41,000 แห่งในระดับชุมชน เช่น ตามสถานีอนามัย ตลอดจนการเตรียมความพร้อมของหอผู้ป่วยหนัก หรือห้องไอซียู ทั่วประเทศ ให้สามารถรองรับผู้ป่วยหนักได้อย่างน้อย 181,000 เตียง
โดยที่คลีนิกและศูนย์บริการสุขภาพขนาดเล็กเหล่านี้ จะจ่ายยาตามอาการให้กับประชาชนที่เป็นไข้แบบไม่รุนแรง ทั้งนี้ก็เพื่อลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ตามโรงพยาบาล ซึ่งจากนี้ไปจะทำการรักษาเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเท่านั้น หลังจากที่ผ่านมา ผู้ที่มีไข้เพียงเล็กน้อยก็ต้องเดินทางไปพบแพทย์และรับยาที่โรงพยาบาล ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มภาระแก่บุคลากรทางการแพทย์ของจีน
เจี่ยว ย่าหุย หัวหน้าสำนักงานบริหารทางการแพทย์ประจำคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนหรือ NHC ออกมาแถลงว่า ถึงแม้จำนวนเตียงและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศขณะนี้จะเพียงพอรองรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงได้ แต่ก็จำเป็นต้องจับตาสถานการณ์การระบาดที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ ในวันที่ทางการจีนยุติการประกาศตัวเลขเหยื่อโควิดแบบรายวัน จีนกลับมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเกิดภาพของฌาปนสถานในหลายเมืองของจีน ที่มีคนนำศพของเหยื่อโควิดไปต่อคิวรอการเผาจนเต็มแน่น ถึงแม้เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องของจีน จะปฏิเสธให้ข้อมูลว่า ศพที่รอคิวการเผาเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นศพของผู้ที่เสียชีวิตจากโควิด จริงหรือไม่
ก่อนหน้านี้สำนักข่าว CNN ของสหรัฐฯรายงานข่าวโดยอ้างอิงข้อมูลเอกสารลับจากการประชุมภายในของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) ซึ่งรั่วไหลออกมาถึงมือสื่อมวลชนต่างประเทศ โดยในเอกสารดังกล่าวระบุข้อมูลที่น่าตกใจว่า ในช่วง 20 วันแรกของเดือนธันวาคมปีนี้ จีนอาจมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 250 ล้านคนทั่วประเทศ หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 18 ของประชากรจีนทั้งประเทศที่มีจำนวนมากกว่า 1,410 ล้านคน
หากการประเมินข้อมูลในเอกสารลับฉบับนี้เป็นจริงก็เท่ากับว่า การระบาดของโควิดในจีนขณะนี้ เป็นระลอกที่มีความรุนแรง ไม่ต่างจากการระบาดครั้งแรกสุดที่ปะทุขึ้นในนครอู่ฮั่น เมื่อปลายปี 2019
และนี่ทำให้นานาประเทศเกิดความกังวลในขณะนี้ว่า การกลับมาเปิดประเทศและยกเลิกข้อจำกัดด้านการเดินทางระหว่างประเทศของจีน ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมปีหน้า จะทำให้เกิดคลื่นนักท่องเที่ยวจีนนับล้าน พากันเดินทางออกไปท่องเที่ยวยังประเทศต่างๆทั่วโลก รวมถึงการเดินทางมายังประเทศไทย ในช่วงวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ ต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลตรุษจีน และเชงเม้งในปีหน้า ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ในจีน ที่ยอดผู้ติดเชื้อกำลังอยู่ในขาขึ้น