หลังจากช่วงปลายปีที่แล้ว อังกฤษ ญี่ปุ่น และอิตาลี ประกาศจะร่วมกันพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นใหม่ โดยจะทำให้มีศักยภาพเหนือกว่าเครื่องบินรบของจีน รัสเซีย หรือสหรัฐฯ ภายใต้ชื่อโครงการ Global Combat Air Program (GCAP) ซึ่งเป็นความพยายามอันทะเยอทะยานในการพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นต่อไปภายในปี 2035
ล่าสุดวันนี้ (14 มี.ค.) ยาซูคาสุ ฮามาดะ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น เผยว่า เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ และกุยโด โครเซ็ตโต รัฐมนตรีกลาโหมอิตาลี จะเดินทางมาเยือนกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่นในวันพฤหัสบดีนี้ (16 มี.ค.)
การเยือนครั้งนี้เพื่อจัดการประชุมหารือเกี่ยวกับโครงการเครื่องบินขับไล่ร่วมกัน ซึ่งนับเป็นความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศครั้งใหญ่ครั้งแรกของญี่ปุ่นนอกเหนือจากสหรัฐฯ นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
ทั้งญี่ปุ่น อังกฤษ และอิตาลี ประกาศลงนามความร่วมมือในโครงการ Global Combat Air Programme หรือ GCAP ซึ่งเป็นโครงการที่ผสานความร่วมมือด้านเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ของเครื่องบินขับไล่และเครื่องยนต์เจ็ต เพื่อพัฒนาเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ภายในปี 2035 โดยจะรวมเทคโนโลยี F-X ของญี่ปุ่น กับเทคโนโลยีจากโครงการ BAE System Tempest ของอังกฤษเข้าด้วยกัน
นอกจากนี้ ฮามาดะ ยังกล่าวว่าจะจัดการประชุมทวิภาคีระหว่างญี่ปุ่นกับอังกฤษ และญี่ปุ่นกับอิตาลี เพื่อหารือเรื่องอื่น ๆ ด้วย ซึ่งการร่วมมือของทั้ง 3 ประเทศดังกล่าวเป็นโครงการความร่วมมือด้านความมั่นคง เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและพัฒนาศักยภาพกองทัพ ในขณะที่ฝรั่งเศส เยอรมนี และสเปน ก็เดินหน้าโครงการสร้างเครื่องบินรบรุ่นใหม่เช่นกัน เพื่อส่งเสริมความมั่นคงในยุโรปท่ามกลางความร้อนระอุของไฟสงครามในยูเครน
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 มี.ค. 66) ออสเตรเลียก็เตรียมซื้อเรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนีย (Virginia-class submarine) ซึ่งเป็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ จำนวน 5 ลำ ภายใต้สนธิสัญญาออคัส (AUKUS) ว่าด้วยความร่วมมือไตรภาคีของออสเตรเลีย อังกฤษ และสหรัฐฯ เพื่อคานอำนาจกับจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และอาจมีความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศอื่น ๆ ตามมา หากไฟสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง
เรียบเรียงจาก Reuters
ภาพจาก AFP