“เอลนีโญ” เริ่มแล้ว! เตรียมรับปีที่โลกจะร้อนสุดเท่าที่เคยมีมา

โดย PPTV Online

เผยแพร่

องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐประกาศ ปรากฏการณ์ “เอล นีโญ” ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิก

เมื่อวานนี้ (8 มิ.ย.) นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์พยากรณ์สภาพอากาศขององค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์ เอล นีโญ (El Nino) ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิก และคาดว่าจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นในฤดูหนาวนี้

เอลนีโญเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่อุ่นกว่าค่าเฉลี่ยในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตะวันออกใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยทุก ๆ 2-7 ปี

คอนเทนต์แนะนำ
สภาพอากาศวันนี้! ฝนตกต่อเนื่อง-ตกหนัก 34 พื้นที่เสี่ยง กทม.รับมือฝน 70 %
เปิดโปรแกรม เช็กเวลาแข่งวอลเลย์บอลสาวไทย ลุยศึกเนชั่นส์ลีก 2023 สนามที่ 2
“ผู้กองแคท” กราบขอโทษแจงดราม่า ให้สัญญาตั้งใจทำงานเต็มกำลังความสามารถ

 

 

เอลนีโญสามารถก่อให้เกิดผลกระทบได้หลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความแรงของปรากฏการณ์ เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อฝนตกหนักและภัยแล้งในบางพื้นที่ทั่วโลก

มิเชลล์ ลอเรอซ์ นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศของศูนย์พยากรณ์อากาศกล่าวว่า “​เอลนีโญสามารถก่อให้เกิดผลกระทบได้หลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความแรงของปรากฏการณ์ เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อฝนตกหนักและภัยแล้งในบางพื้นที่ทั่วโลก”

เธอเสริมว่า “เอลนีโญอาจนำไปสู่การเกิดอุณหภูมิสูงทุบสถิติใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ประสบกับอุณหภูมิที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่แล้ว”

ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญอาจทำให้ปี 2024 กลายเป็นปีที่โลกร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา และกังวลว่า สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นจากปรากฏการณ์นี้ อาจทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้รายงานยังระบุด้วยว่า ปรากฏการณ์นี้จะยังส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศโลก ซึ่งอาจทำให้ออสเตรเลียเผชิญกับความแห้งแล้ง และตอนใต้ของสหรัฐฯ เผชิญกับฝนตกหนักมากขึ้น ขณะเดียวกันก็อาจทำให้ฤดูมรสุมของอินเดียอ่อนกำลังลงด้วย

ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ปรากฏการณ์นี้จะดำเนินต่อไปจนถึงช่วงฤดูไม้ผลิหน้า หลังจากนั้นผลกระทบต่าง ๆ จะค่อย ๆ บรรเทาลง

จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ระบุว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญ เกิดจากกระแสลมที่มีกำลังอ่อน และเปลี่ยนทิศทางพัดจากด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปฟิซิกไปด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปฟิซิก

ซึ่งการเปลี่ยนทิศทางลม ทำให้กระแสน้ำอุ่นไหลไปยังทวีปอเมริกาใต้แทน และทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลียขาดแคลนฝน และเกิดความแห้งแล้ง ขณะที่ชายฝั่งของทวีปอเมริกาใต้จะกลับกัน โดยพื้นที่ดังกล่าวจะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น

 

เรียบเรียงจาก NOAA

ภาพจาก AFP

คอนเทนต์แนะนำ
เปิดประวัติ "แคท อาทิติยา" สาวเสียงเพราะ ดีกรีร้อยตำรวจเอกหญิง
เปิดข้อมูล หลักสูตร “กอส.” คืออะไร ทำไมเป็นหลักสูตรอบรมชื่อดังวงการตำรวจ
วิเคราะห์บอล !! ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แมนฯซิตี้ พบ อินเตอร์ 10 มิ.ย.66

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ