เจ้าหน้าที่เขตลอสแอนเจลิสเคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่า พบผู้เสียชีวิตจากไฟป่าอีตัน (Eaton Fire) เพิ่มอีก ทำให้ไฟป่าในส่วนนี้มีผู้เสียชีวิต 11 คน และยังพบผู้เสียชีวิตจากไฟป่าพาลิเซดส์ (Palisades Fire) อีก 5 คน ทำให้ตัวเลขรวมผู้เสียชีวิตเหตุไฟป่าลอสแอนเจลิสทั้งหมดเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 16 คนแล้ว
นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายแล้ว 13 คน แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับเหตุไฟป่าหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าสถานการณ์จะยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค.
ส่วนความคืบหน้าสถานการณ์ล่าสุด เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงควบคุมไฟป่าใกล้เมืองลอสแอนเจลิสได้อีก 2 จุดคือ ไฟป่าอาร์เชอร์ (Archer Fire) กับไฟป่าลิเดีย (Lidia Fire) หลังจากก่อนหน้านี้ควบคุมไฟป่าขนาดเล็กไปได้แล้ว 3 จุด ประกอบด้วย ไฟป่าซันเซ็ต (Sunset Fire), ไฟป่าวูดลีย์ (Woodley Fire) และไฟป่าโอลิวาส (Olivas Fire)
โดยเวลานี้เหลือไฟป่าที่ยังควบคุมไม่ได้ใกล้ลอสแอนเจลิสทั้งสิ้น 4 จุด คือไฟป่าพาลิเซดส์ด ซึ่งเป็นไฟป่าแห่งแรกที่ลุกไหม้และมีขนาดใหญ่ที่สุด เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้เพียง 11% ปัจจุบันเผาผลาญพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 22,000 เอเคอร์ หรือ 55,000 ไร่ รวมถึงย่านแปซิฟิกพาลิเซดส์
จุดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 คือไฟป่าอีตัน ทางตอนเหนือของลอสแอนเจลิส โดยมีเนื้อที่เกือบ 14,000 เอเคอร์ หรือ 36,000 ไร่ ถูกทำลาย เจ้าหน้าที่ควบคุมเปลวเพลิงได้ 15%
ส่วนไฟป่าเฮิร์สต์ (Hurst Fire) ทางเหนือของเมืองซานเฟอร์นันโด เผาผลาญพื้นที่ไปเกือบ 800 เอเคอร์ หรือ 2,000 ไร่ ปัจจุบันควบคุมได้ 76%
จุดสุดท้ายคือไฟป่าเคนเน็ธ (Kenneth Fire) บริเวณรอยต่อระหว่างลอสแอนเจลิสเคาน์ตีกับเวนทูราเคาน์ตี เผาผลาญพื้นที่แล้ว 1,050 เอเคอร์ หรือประมาณ 2,600 ไร่ แต่เปลวเพลิงถูกควบคุมได้เกิน 80% และ หยุดลุกลามแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 11 ม.ค. เจ้าหน้าที่ต้องออกคำสั่งอพยพเพิ่มเติมในหลายจุด รวมถึงบางส่วนของเมืองเบรนต์วูด เนื่องจากไฟป่าพาลิเซดส์ลุกลามไปทางตะวันออกมากขึ้น ขณะที่ชุมชนย่านเอ็นซีโน และแมนเดวิลล์ แคนยอน ก็ตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน
โดยจนถึงขณะนี้ ไฟป่าพาลิเซดส์ทำลายสิ่งปลูกสร้างไปแล้ว 5,300 หลัง ส่วนไฟป่าอีตันทำลายสิ่งปลูกสร้างไปแล้วมากกว่า 7,000 หลัง ทำให้มีประชาชนต้องอพยพแล้วประมาณ 153,000 คน
ขณะที่ AccuWeather บริษัทให้บริการข้อมูลพยากรณ์อากาศ คาดว่า ความเสียหายจากไฟป่าครั้งนี้จะอยู่ระหว่าง 135,000 ล้านดอลลาร์ ถึง 150,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.7 ล้านล้านบาท ถึง 5.3 ล้านล้านบาท สูงกว่าสถิติเดิมของไฟป่าแคมป์ไฟร์ (Camp Fire) เมื่อปี 2018 ที่สร้างความเสียหายรวมประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.5 แสนล้านบาท