หลายคนอาจทราบแล้วว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อตั้งเมือง “ชเวก๊กโก” บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา จนถูกเรียกว่าเป็นอาณาจักรมิจฉาชีพขนาดย่อมที่ทำเงินได้มหาศาล คือชายชาวจีนที่ชื่อว่า “เสอ จื้อเจียง” (佘智江) เจ้าของบริษัท ย่าไท่ (Yatai International Holding Group)
แต่แทบไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน และกลายมาเป็นเจ้าพ่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างไร? บางคนอาจรู้แค่ว่า เขาถูกทางการจีนกล่าวหาว่าเป็นผู้วางแผนก่ออาชญากรรม
จากข้อมูล เขาเกิดเมื่อปี 1982 ในหมู่บ้านยากจนในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน เขาออกจากโรงเรียนตอนอายุ 14 ปี และเรียนรู้การเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์ จากนั้นดูเหมือนจะย้ายไปฟิลิปปินส์เมื่อตอนอายุ 20 ปีต้น ๆ และเข้าสู่แวดวงการพนันออนไลน์ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในจีน
นี่คือจุดเริ่มต้นที่เขาทำเงิน ในปี 2014 เขาถูกศาลจีนตัดสินว่ามีความผิดฐานเล่นลอตเตอรี่ผิดกฎหมาย แต่เขายังคงอาศัยอยู่ต่างประเทศ ทำให้ไม่ถูกจับ
เขาลงทุนในธุรกิจการพนันในกัมพูชาและได้รับสัญชาติกัมพูชา โดยสำนักข่าวต่างประเทศสืบทราบว่าว่ามีชื่อที่แตกต่างกันอย่างน้อย 4 ชื่อ
ในปี 2016 เขาบรรลุข้อตกลงกับ ซอ ชิต ตู่ แม่ทัพชาวกะเหรี่ยง เพื่อสร้างเมืองใหม่ร่วมกัน โดย เสอ จื้อเจียง จะรับหน้าที่เป็นผู้จัดหาเงินทุน เครื่องจักรและวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ในขณะที่ ซอ ชิต ตู่ และนักรบติดอาวุธ 8,000 นายจะดูแลเมืองให้ปลอดภัย
วิดีโอสุดอลังการของบริษัทย่าไท่สัญญาว่า จะลงทุน 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5 แสนล้านบาท) เพื่อสร้างดินแดนมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยโรงแรม กาสิโน และไซเบอร์ปาร์ก
ชเวก๊กโกยังถูกอธิบายว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative; BRI) ของจีน
ต่อมาจีนประกาศแยกตัวจาก เสอ จื้อเจียง อย่างเป็นทางการในปี 2020 และรัฐบาลเมียนมาได้ดำเนินการสอบสวนย่าไท่ จากกรณีสร้างวิลล่า 59 หลัง ซึ่งมากกว่าที่ได้รับอนุญาตจากใบอนุญาตการลงทุน และเปิดกาสิโนก่อนที่จะได้รับการรับรองในเมียนมา
ในเดือนสิงหาคม 2022 เสอ จื้อเจียง ถูกจับกุมและจำคุกในกรุงเทพฯ ตามคำร้องของจีนต่อตำรวจสากล (อินเตอร์โพล)
เสอและ ซอ ชิต ตู่ ถูกคว่ำบาตรจากรัฐบาลอังกฤษด้วยข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์
ในการให้สัมภาษณ์กับ BBC เสอ จื้อเจียง อ้างว่า เขาเป็นเหยื่อของการผูกขาดทางการค้าของรัฐบาลจีน เขาบอกว่าเขาก่อตั้งบริษัทย่าไท่ตามคำสั่งของกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของจีน และยืนกรานว่าชเวก๊กโกเป็นส่วนหนึ่งของ BRI
เสอกล่าวหาว่า ผู้นำจีน สี จิ้นผิง หันหลังให้เขา เพราะเขาปฏิเสธที่จะให้ทางการจีนเข้ามาควบคุมโครงการของเขา และบอกว่าจีนต้องการอาณานิคมบนชายแดนไทย-เมียนมา
จีนปฏิเสธความสัมพันธ์ทางธุรกิจใด ๆ กับ เสอ จื้อเจียง
แม้ว่าเขาจะปฏิเสธว่ามีส่วนในการทำให้ชเวก๊กโกเป็นเมืองแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เสอยอมรับว่า “มีความเป็นไปได้สูงที่มิจฉาชีพจะมาที่ชเวก๊กโก”
เขาบอกว่า “เพราะว่าเมืองของเราเปิดกว้างสำหรับทุกคนที่เข้าออกได้อย่างอิสระ การปฏิเสธลูกค้าสำหรับนักธุรกิจอย่างผมเป็นเรื่องยากมาก นี่คือจุดอ่อนของผม”
อย่างไรก็ตาม ดูจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อว่าย่าไท่ซึ่งบริหารทุกอย่างในชเวก๊กโกจะไม่สามารถหยุดยั้งมิจฉาชีพที่เข้าออกเมืองได้
จากการสัมภาษณ์ เสอ จื้อเจียง ดูโกรธแค้นอย่างมากต่อชะตาชีวิตที่พลิกผันอย่างกะทันหันของเขา “ก่อนหน้านี้ ผมไม่เข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนเลย แต่ตอนนี้ ผมเข้าใจจริง ๆ แล้วว่า การที่สิทธิมนุษยชนถูกละเมิดนั้นเลวร้ายเพียงใด”
เขาเสริมว่า “ยากที่จะจินตนาการว่า สิทธิมนุษยชนของประชาชนทั่วไปในจีนถูกเหยียบย่ำอย่างไร เมื่อนักธุรกิจที่น่าเคารพอย่างผม ซึ่งเคยไปร่วมงานเลี้ยงของรัฐร่วมกับ สี จิ้นผิง ไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีแต่อย่างใด”
เสอ จื้อเจียง ยังบอกอีกว่า เขาใฝ่ฝันที่จะสร้างเมืองเพื่อเป็นตั๋วให้เขาหลุดพ้นจากโลกอันมืดมิดของการหลอกลวงและการพนันที่เขาเคยอาศัยอยู่
ดูเหมือนว่าเขาเชื่อจริง ๆ ว่าเขาสามารถสร้างบางสิ่งบางอย่างที่วันหนึ่งจะก้าวข้ามต้นกำเนิดอันน่ารังเกียจของชเวก็กโกในฐานะเมืองแห่งการหลอกลวงได้
เรียบเรียงจาก BBC