นายเกรียงศักดิ์ ประสงค์สุกาญจน์ รองอธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป กรมสรรพากรจะใช้มาตรการตรวจสอบภาษีในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนิติบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 460,000 รายทั่วประเทศอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการใช้ธุรกรรมเงินสด และมีการฝากเงินก้อนใหญ่เข้าสถาบันการเงิน เช่น ธุรกิจค้าขายออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ จะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเข้าไปตรวจสอบเข้มข้นรุนแรง เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี
ขณะนี้ กรมสรรพากรมีการลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลในการตรวจสอบไว้แล้ว ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ที่จะแจ้งให้ธนาคารพาณิชย์ต้องนำงบการเงินที่แจ้งกับกรมสรรพากรประกอบการขอสินเชื่อ รวมถึงเชื่อมโยงข้อมูลการรายงานงบการเงินจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และบริษัทผู้ทำบัญชีด้วย จากนั้นจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เพื่อแยกประเภทธุรกิจที่มีความเสี่ยงออกมา โดยบทลงโทษนอกจากจะต้องจ่ายภาษีแล้ว ยังต้องเสียค่าปรับและเงินเพิ่มหรือดอกเบี้ย 1.5 เท่าด้วย
สรรพากรแจง ไม่ได้จงใจเก็บภาษีค้าขายออนไลน์ แค่อยากทำระบบหักภาษีให้ทันสมัย
อย่างไรก็ตามระหว่างนี้จะเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีมายื่นแบบแสดงรายการปรับปรุงการเสียภาษีย้อนหลังให้ถูกต้อง โดยออก พ.ร.บ.ยกเว้นเบี้ยปรับเงินเพิ่มภาษีอากร และความรับผิดทางอาญา พ.ศ. 2562 ซึ่งทำให้ผู้ลงทะเบียนไม่ต้องรับภาระเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มแต่ต้องเสียภาษีอยู่ โดยเริ่มลงทะเบียนเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน 2562 จากนั้นต้องยื่นแบบทุกประเภทภาษีทางอินเทอร์เน็ตต่ออีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 กกรกฎาคม 2562 - 30 มิถุนายน 2563 แต่ยกเว้นคนที่ทำใบกำกับภาษีปลอมจะไม่ได้รับสิทธิ