ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการประกาศขึ้นค่ารถเมล์ทุกประเภทในวันที่ 22 เมษายนนี้ ล่าสุดนายศรีสุวรรณ จรรยา เดินทางมาฟ้องศาลปกครองกลาง ขอให้ระงับการขึ้นค่าโดยสารรถเมล์
โดยนายศรีสุวรรณ ได้ยื่นร้องต่อศาลปกครองขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษา เพิกถอนหรือระงับการขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ทั้งระบบ หลังจากทางคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ได้มีมติปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร รถโดยสารประจำทางสาธารณะ ทั้งรถใหม่ รถเก่า ในหลายหมวด ตั้งแต่ 1 – 7 บาท เนื่องจากเป็นการสร้างภาระให้เกิดขึ้นกับประชาชนมากเกินไป และคำขอให้ศาลไต่สวนเพื่อคุ้มครองชั่วคราวเป็นการฉุกเฉิน เนื่องจากวันจันทร์ที่ 22 เม.ย.นี้ รถโดยสารทั้งระบบจะขึ้นราคา
ขสมก.เตรียมอุทธรณ์หลังศาลสั่งชดใช้ “เบสท์รินกรุ๊ป”กว่า 1,000 ล้าน
เปิด "โครงสร้างค่าโดยสารรถเมล์" ทั้งที่โดนสั่งชะลอและราคา NGV รุ่นใหม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีและกระทรวงคมนาคม สั่งการให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ทบทวนมติดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับในเรื่องนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่าจะปรับโครงสร้างราคาใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากเกินไป
ขณะเดียวกันได้มีนายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วม ขสมก. ตัวแทนผู้ประกอบการ เป็นผู้ถูกร้องร่วม บอกว่า การดำเนินธุรกิจรถเมล์ส่วนใหญ่ รับผู้โดยสารเฉลี่ยได้ราว 400 ตั๋ว/เที่ยว ตั๋วละ 9 บาท เฉลี่ยรายได้เที่ยวละ 3,600 บาท ซึ่งรายได้ไม่เพียงพอต่อต้นทุน
ปัญหานี้จึงส่งผลให้รถเมล์ร่วมบริการที่มีอยู่ราว 6,000 คัน แต่สามารถใช้งานได้จริงเพียง 1,600 คันเท่านั้น จึงยืนยันว่าการขึ้นค่ารถโดยสาร 1 บาท นั้นมีความจำเป็น ส่วนที่ขึ้นราคา 7 บาท เป็นรถใหม่ซึ่งมีความเหมาะสมแล้ว
โดยหลังจากนี้ต้องรอว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่