นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับคณะที่ปรึกษาและอธิบดีกรมการค้าภายใน เพื่อหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคข้าวเหนียว เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาข้าวเหนียวปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน หลังมีผลผลิตข้าวเหนียวออกสู่ตลาดน้อยเพราะพิษภัยแล้งและเป็นช่วงปลายฤดู โดยภายหลังการหารือ นายจุรินทร์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในมีคำสั่งให้โรงสี ผู้ประกอบการค้าข้าวเหนียว และผู้เกี่ยวข้อง รายงานสต๊อกข้าวเหนียวในครอบครองเพื่อป้องกันการกักตุนทั่วประเทศ ในวันที่ 26 สิงหาคม หรือ วันนี้ เนื่องจากข้าวเหนียวเป็นสินค้าควบคุม
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน ก็จะนำคณะไปหารือกับโรงสี สหกรณ์และผู้ค้าข้าว เพื่อหาความร่วมมือในการผลิตข้าวเหนียวถุงในราคาพิเศษ เป็นการตรึงราคา ข้าวเหนียวบริโภคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุดต่อไป
ด้านนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ กรมการค้าภายใน จะออกประกาศให้โรงสี ผู้ประกอบการข้าวเหนียวแจ้งสต๊อกข้าวเหนียว เพื่อดูปริมาณข้าวเหนียว ซึ่งห้ามมีการกักตุนสินค้าอย่างเด็ดขาด หากพบว่าผู้ประกอบการหรือโรงสีรายใดมีการกักตุนจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดตามกฎหมายการค้าข้าวและกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งจะมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากนั้นก็จะหาแนวทางลดค่าใช้จ่ายของผู้บริโภค พร้อมกันนี้จะร่วมมือกับผู้ประกอบการผลิตข้าวถุง เพื่อจำหน่ายข้าวสารเหนียวราคาถูกเพื่อจำหน่ายให้กับผู้มีรายได้น้อย โดยเบื้องต้นน่าจะวางขายที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ วิสาหกิจชุมชน และจะให้สิทธิกับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน โดยกระทรวงพาณิชย์จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและการขนส่งให้
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า วันนี้ราคาข้าวเหนียวปรับตัวสูงขึ้นใกล้แตะ 50 บาทต่อกิโลกรัม สูงสุดเป็นประวัติการณ์ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือ ราคาสูงกว่าข้าวหอมมะลิแล้ว สาเหตุที่ทำให้ราคาข้าวเหนียวแพงนั้นมีหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของผลผลิตที่ออกมาน้อย หรือการเร่งหาซื้อข้าวเหนียวของผู้ส่งออกเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาข้าวเหนียวจะสูงแบบนี้ไม่นานหรือประมาณ 1-2 เดือน โดยปัจจุบันราคาข้าวเหนียวอยู่ที่ 50,000 บาทต่อตัน ขณะที่ข้าวหอมมะลิอยู่ที่ 35,000 บาทต่อตัน ซึ่งมาตรการที่อยากให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการก็คือ ลงพื้นที่ตรวจสอบป้องกันการกักตุนเอาเปรียบผู้บริโภค